ทฤษฎีวาร์ป  อัลคับเบียร์เมตริก  

Posted on 20 มีนาคม 202418 มีนาคม 2024Categories วิทยาศาสตร์Tags ,

         สำหรับใครที่ชื่นชอบการดูหนังเกี่ยวกับหนังไซไฟหนังยานอวกาศต่างๆแล้วน่าจะเคยพบเห็นการเดินทางด้วยการวาร์ปซึ่งการเดินทางแบบนี้ก็คือการเคลื่อนที่ยังจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในพริบตาเดียวนั่นเองหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง

ทฤษฎีวาร์ป  อัลคับเบียร์เมตริก หรือเป็นความเร็วที่มากกว่าแสงก็เป็นไปได้ซึ่งในหนัง ไซไฟนั้นเรามักจะเห็นการเดินทางในลักษณะแบบนี้อยู่เป็นประจำ 

      อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนคงมีแนวความคิดเหมือนกันว่าถ้าหากในชีวิตจริงของคนเรานั้นเป็นเหมือนกับหนังไซไฟก็ดีเช่นเดียวกัน

เพราะเราจะได้ว่าไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายไม่ต้องมานั่งขับรถรถติดอยู่บนท้องถนนต้องเจอกับมลพิษทางอากาศหรือต้องเจอกับปัญหาต่างๆมากมายไม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าในการเดินทางนานก็สามารถที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว

       อย่างไรก็ตามหลายคนคงมีความเชื่อว่าการวัดหายตัวไปได้นั้นมันก็เกิดขึ้นได้จากหนังเท่านั้น

แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่สามารถทำได้แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ซึ่งมีนักฟิสิกส์ท่านหนึ่งได้มีการศึกษาทฤษฎีเกี่ยวกับการวาปขึ้นมาว่ามันจะสามารถเป็นจริงได้หรือไม่โดยนักฟิสิกส์ท่านนี้นั้นได้มีการศึกษาค้นคว้าจนนำเสนอทฤษฎีให้ชาวโลกได้รับรู้

และกลายมาเป็นที่สนใจซึ่งการนำเสนอในครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงปีค.ศ 1994 ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าเป็นทฤษฎีที่ชื่อว่า อัลคับเบียร์เมตริก  

   

           สำหรับทฤษฎีอัลคับเบียร์เมตริก   ผู้ที่ค้นพบคนแรกเกี่ยวกับทฤษฎีนี้นั่นก็คือมิเกล อัลคับเบียร์นั่นเอง 

เนื่องจากว่าเขาเป็นนักฟิสิกส์และมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่ามีความเป็นไปได้ที่คนเราจะสามารถนับได้อย่างไรก็ตามทฤษฎีนี้ได้มีการถูกนำมาพูดถึงในช่วงที่มีการจัดสัมมนาเกิดขึ้นซึ่งเป็นการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการบินและอวกาศของประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้คนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังเป็นจำนวนมาก

ที่มาประชุมสัมมนาในครั้งนั้นและทฤษฎีนี้ก็ได้มีการเอ่ยถึงซึ่งได้มีการนำหลักพื้นฐานทางด้านฟิสิกส์ของไอน์สไตน์มาพูดถึงสมการความสามารถที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องของการวาร์ปโดยมีการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของสเปค Time หรือมาตุภูมิและเวลานั้นเอง 

         อย่างไรก็ตามทฤษฎีอัลคับเบียร์เมตริก  ได้มีการตีพิมพ์เป็นหนังสือแต่ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถยืนยันได้ว่าทฤษฎีนี้มีความเป็นจริงไปได้มากแค่ไหนเพราะตามหลักความเป็นจริงของนักวิทยาศาสตร์ในตอนนี้มันยังไม่สามารถที่จะสร้างวัตถุหรืออะไรก็แล้ว

แต่ที่จะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสงได้ดังนั้นเมื่อไม่สามารถที่จะสร้างยานอวกาศที่ขึ้นที่ได้เร็วกว่าแสงได้การวาปจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้นั่นเองอย่างไรก็ตามทฤษฎีนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้นเพราะถ้าหากว่ามีการกล่าวอ้างกฎของไอน์สไตน์ขึ้นมามันก็จะไปคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องของทฤษฎีอัลคับเบียร์เมตริก  นั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ชุดตรวจ hiv

ทฤษฎีการเกิดโลกของเราเป็นยัง

Posted on 11 พฤษภาคม 202116 มิถุนายน 2021Categories วิทยาศาสตร์Tags ,

ซึ่งหลายคนเคยสงสัยหรือไม่ว่าโลกของเรานั้นมันเกิดขึ้นมาได้ยังไงอันนี้ก็ต้องบอกว่าถ้าใมนตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วโลกเราเกิดขึ้นมาจากการที่ดาวสองดวงชนกันแล้วเกิดการบิ๊กแบงทำให้เกิดเป็นดวงดาวเคราะห์หนึ่งดวงขึ้นมาแล้วผ่านไปหลายล้านปี

นอกจากนั้นก็ได้มีชั้นบรรยากาศอะไรเข้ามาเรื่อยๆจนมีสิ่งมีชีวิตแล้วก้มีไดโนเสาร์มีการภูเขาไฟระเบิดอุกกาบาตชนโลกหรืออะไรก็แล้วแต่จนมันได้มาถึงยุคปัจจุบันของเรานี้ต้องบอกก่อนว่าโลกของเราในสมัยก่อนมันไม่ได้เป็นสีฟ้ามีน้ำมีชั้นบรรากาศอะไรขนาดนี้

โดยโลกของเราแต่ก่อนมันจะเป็นโลกสีแดงๆและเราก็ไม่รู้เลยว่ามันได้ผ่านมากี่พันล้านปีแล้วกว่าโลกของเราจะมาถึงตรงนี้และเราขอบอกเลยว่าตรงนี้มันน่าสนใจมากตรงที่เปอร์เซ็นน้อยมากๆที่ดวงดาวสองดวงจะชนกันแล้วยิ่งน้อยเข้าไปอีกคือมันชนกันแล้วมันได้เกิดเป็นดาวดวงหนึ่งที่มันได้มีชั้นบรรยากาศที่มันมีก๊าซมีอะไรก็แล้วแต่ที่มันสามารถดำรงอยู่ได้ด้วยชีวิต

ซึ่งเปอร์เซ็นที่มันจะเป็น0.00มันน้อยมากเขาเลยเกิดข้อสงสัยกันว่าในเปอร์เซ็นน้อยแบบนี้มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือมันถูกบังคับให้เกิดขึ้นมาอันนี้เราต้องบอกก่อนเลยมันเป็นแค่ทฤษฎีที่เราได้คุยกับเพื่อนเล่นๆเท่านั้นมีการอ้างอิงอะไรหรือเปล่าก็มีบ้างแต่ถามว่ามันจริงไหมฟังไว้ให้เป็นเรื่องบันเทิงฟังไว้ให้เราคิดตามดูก็เท่านั้นเราไม่ได้จะหักล้างทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรืออะไรแต่มันเป็นเพียงแค่ทฤษฎี

ดังนั้นขึ้นชื่อว่าทฤษฎีก็คือความคิดที่เป็นข้อสงสัยแค่นั้นเองเราได้คิดไว้อยู่แค่สองอย่างโลกเราเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกับโดนบังคับให้เกิดคือมีสิ่งมีชีวิตที่อื่นเขาบังคับให้เกิดโลกของเราขึ้นมาและให้มันพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆคือต้องบอกก่อนว่าทฤษฎีนี้มันเหมือนการที่เราเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวแบบนี้เราอยากได้อะไรเราเลี้ยงหมูเราอยากได้เนื้อเราเลี้ยงวันอยากได้นม

เพราะฉะนั้นแล้วมันเหมือนกับการหาผลผลิตถูกไหมเราเลยได้ตั้งทฤษฎีนี้ขึ้นมาว่าทฤษฎีของการเก็บเกี่ยวผลผลิตบนโลกของเราต้องตั้งคำถามก่อนอะไรที่มันมากขึ้นๆก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันก็คือก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์หรือว่าก๊าซเรือนกระจกเราก็กำลังคิดอยู่ว่าที่มันมากขึ้นทุกวันๆและถ้าวันหนึ่งมันมากจนถึงจุดสูงสุดมันจะเกิดอะไรขึ้นมันก็อาจจะเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกเราร้อนถึง70องศาก็เป็นได้

 

สนับสนุนโดย    ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ระบบออโต้

ยานสำรวจคิวริออซิตีได้ส่งภาพก้อนหินปริศนากลับมายังโลกที่อยู่บนดาวอังคาร

Posted on 27 มิถุนายน 2020Categories วิทยาศาสตร์Tags ,

ยานคิวริออซิตีสีน้ำเงิน

เมื่อวันที่5มิถุนายน ปี2017 ยานเอ็มอาร์โอ ของนาซา สามารถถ่ายภาพที่น่าสนใจนี้เอาไว้ได้ จากภาพปรากฎยานสำรวจดาวอังคารคิวริออซิตี เป็นจุดสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ท่ามกลางบริเวณที่เป็น ทราย หิน และหน้าผา ภาพดังกล่าวได้ถูกปรับแสงเพื่อให้เห็นบริเวณพื้นผิวของดาวอังคาร ได้ชัดยิ่งขึ้นมันจึงได้ทำให้สีของยานคิวริออซิตี กลายเป็นสีน้ำเงินที่เข้มกว่าความเป็นจริง ซึ่งในขณะนั้นยานคิวริออซิตีกำลังขึ้นบนยอดเขาชาร์พที่มีความสูง18,000ฟุต ซึ่งเป็นภูเขาที่อยู่ในหลุมอุกกาบาตเกลที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นพื้นที่ ที่เคยเป็นทะเลสาบมาก่อนด้วยการศึกษาตะกอนหลุมอุกกาบาตและตะกอนจากภูเขานั้นอาจทำให้เราได้รู้ที่มาที่ไปที่แท้จริงของหลุมอุกกาบาตของหลุมภูเขาแห่งนี้ย้อนหลังไปได้ถึง2พันล้านปีเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มพบสิ่งที่น่าสนใจอย่างเช่นหินบลูเบอร์รี่เหล่านี้ที่ทำให้เชื่อว่าครั้งหนึ่งบนดาวอังคารเคยมีสภาวะที่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างจุลินทรีย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้

มาร์ส์เฮนจ์

ตั้งแต่ในช่วงเดือนมิถุนายนปี2012ยานสำรวจคิวริออซิตีก็ได้ปฏิบัติหน้าที่สำรวจพื้นผิวดาวอังคารและได้ส่งภาพที่น่าฉงนหลายภาพกลับมายังโลกหนึ่งในนั้นคือภาพของกองก้อนหินปริศนาที่ถูกตั้งเรียงเป็นรูปวงกลมผิดธรรมชาติ โดยที่บางคนเชื่อว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนดาวอังคารซึ่งได้มีลักษณะเหมือนกับเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้หรือมันอาจจะเป็นรากฐานของสิ่งก่อสร้างบางอย่างที่คล้ายกับ สโตนเฮนจ์ ที่อยู่บนโลกของเราและภาพนี้มันไม่ได้เป้นภาพถ่ายกองหินประหลาดเพียงภาพเดียวแต่มันยังมีภาพถ่ายหินปริศนาอื่นอีกที่สามารถถ่ายได้จากดาวอังคารดังเช่นภาพนี้เป็นภาพที่มีชื่อว่า “มาร์ส์เฮนจ์” ซึ่งได้เป็นภาพที่ถูกถ่ายด้วยกล้องHiRISEโดยที่ยังไม่มีใครสามารถอธิบายถึงทีมาของมันได้

หลุมปริศนา

ตั้งแต่ในปี2006ที่ นาซา ได้ส่งยานสำรวจเอ็มอาร์โอให้โคจรอยู่รอบดาวอังคารและได้ถ่ายภาพรายละเอียดของดาว ส่งกลับมายังโลกด้วยกล้องHiRISEที่ทำให้นักดาราศาสตร์สามารถเห็นวัตถุบนดาวที่มีขนาดใหญ่กว่า3ฟุตได้อย่างชัดเจนยานเอ็มอาร์โอสามารถถ่ายภาพนี้ได้ในช่วงฤดูร้อนบนดาวอังคาร ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำพอที่จะสามารถส่องแสงลงมาถึงบริเวณขั้วโลกใต้ของดาวได้จะเห็นว่าพื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่แข็งตัว ซึ่งมีคุณบัติเหมือนน้ำแข็งแห้งและแสงอาทิตย์ทำให้น้ำแข็งบางส่วนระเหยกลายเป็นไอจึงเผยให้เห็นหลุมปริศนาขนาดใหญ่ซึ่งได้มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดหลายร้อยเมตรและยังสามารถเห็นน้ำแข็งที่อยู่ข่้างใต้หลุมได้อีกด้วย

 

 

ขอขอบคุณ  entaplay pantip

จะเป็นยังไงอาจโลกเรามีหุ่นยนต์ตำรวจ

Posted on 16 มิถุนายน 202016 มิถุนายน 2020Categories วิทยาศาสตร์Tags ,

ถ้าวันหนึ่งระบบหุ่ยนต์ตำรวจสามารถทำงานได้แล้วรู้กฎหมายทุกอย่างเราลองคิดกันดูเล่นๆสมมุติเราขับมอเตอร์ไซค์ไปไฟแดงเหลืออีก5วินาทีแล้วไฟเหลืองมาอีก3วินาที แต่เราเชื่อเลยว่ารถมอเตอร์ไซค์มันบิดเครื่องออกไปตั้งแต่ก่อนมันจะเป็นไฟแดง2วินาทีเพราะไฟเหลืองมัน3วินาทีแต่ว่าไฟแดงอีกฝั่งหนึ่งที่เห็นมันจะเป็น2วินาทีถูกหรือไม่ แต่ถ้ามันได้มีหุ่นยนต์ตำรวจขึ้นมา

และสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นก็คืออะไรคุณขับออกมาตอนที่มันกำลังจะเป็นไฟแดง1วิ หรือ2วิ ข้ามเส้นที่เขาได้กั้นเอาไว้แล้วคุณผิดกฎหมาย หรือ บางคนอาจจะไม่ใส่หมวกกันน็อกแล้วมีหุ่นยนต์ตั้งอยู่ตรงนั้นบอกเลยว่าโดนกันทั้งหมดและหุ่นยนต์ต้องบอกเลยว่ามันไม่มีสามัญสํานึกหรือมันไม่มีคำว่าการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มันไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือคนเพราะหุ่นยนต์ยังไงมันก็ต้องหุ่นยนต์ หุ่นยนต์มันคือสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อปฎิบัติงานตามที่เราสั่ง ถ้าถึงวันนั้นจริงๆที่มีหุ่นยนต์ตำรวจเราเชื่อเลยว่ามันจะชิบหายอย่างแน่นอน

เพราะคนอาจจะเข้าคุกเกินครึ่งประเทศคือเราต้องบอกก่อนเลยว่าตาม ทฤษฎีสตีเฟน ฮอว์กิง เขาได้เคยพูดเอาไว้เราเชื่อว่ายังไงมันก็เป็นเรื่องจริงบางคนมันก็อาจจะมาบอกเราว่าเราดูหนังมากเกินไปหรือเปล่าแต่คุณอย่าลืมว่าสิ่งที่ทำให้โลกเราหม่น หมองมันคืออะไร ก็คือมนุษย์เราเนี่ยแหละ สมัยก่อนมีสัตว์มีวงจรอาหารมีโซ่อาหารไปทำลายห่วงโซ่อาหาร ยกตัวอย่างเช่นหูฉลามที่เรากินกันอยู่ที่คนจีนชอบกินกันกินอะไรก็ไม่รู้แปลกๆกันทั้งนั้น ซึ่งปลาฉลามทั้งตัวแต่คุณกลับต้องการมันแค่หูด้านข้างมันทั้งนั้นพอคุณตัดมันเสร็จคุณก็ปล่อยมันตายลง

ในทะเลและถามว่าถ้าปลาฉลามมันได้หมดโลกของเราไปมันจะทำให้ห่วงโซ่อาหารพังผู้คุมกำเนิดในท้องทะเลมันไม่มีปลาเล็กปลาน้อยตะไคร้น้ำเกิดขึ้นเยอะมากขึ้นแล้วปลาเล็กปลาน้อยพวกนั้นอยู่กันล้นทะเลพวกสาหร่ายแพลงตอนหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นอาหารแบบว่าเล็กๆในทะเลมันก็จะหายไปเร็ววมากเพราะไม่มีผู้ควบคุมการกำเนิด เราถึงได้บอกว่ามนุษย์คนเรามันได้เป็นสิ่งที่บกพร่องมากที่สุดของโลกเพราะมนุษย์เราไปทำอะไรรู้หรือไม่เพราะว่ามนุษย์เราได้เข้าไปทำลายห่วงโซ่อาหารมนุษย์เราตัดไม้ทำลายป่ามนุษย์บุกรุกพื้น

ที่ที่สัตว์เขาได้เคยอาศัยอยู่ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ได้มีการขึ้นไปสร้างบ้านอยู่บนป่าเขาอ้างนู้นอ้างนี้แล้วซึ่งที่มันเกิดขึ้นมันคืออะไรสัตว์ป่าเขาก็คิดว่าที่รงนั้นมันเป็นบ้านของพวกเขาอยู่ดีๆก็มีบ้านเรือนเข้ามาเขาก็เดินเข้าไปและสงสัยว่ามันคืออะไรพอได้เข้าไปก็ร้องโห้มนุษย์เราใจบาตรเห็นสัตว์ป่าหน่อยยิงปืน

เอาหนังมาทำเป็นเบาะบ้างเอาหนังออกเอาเนื้อส่วนขาไปปิ้งกินบ้างพอโดนจับได้ก็ออกมาบอกว่าผมไม่ได้ทำผมไม่ได้ยิงผมแค่เข้าไปสำรวจธรรมชาติเฉยๆเห็นหรือไม่ว่ามนุษย์คนเรานั้นมันได้เป็นความผิดพลาดของโลก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame1688