ยานสำรวจคิวริออซิตีได้ส่งภาพก้อนหินปริศนากลับมายังโลกที่อยู่บนดาวอังคาร

ยานคิวริออซิตีสีน้ำเงิน

เมื่อวันที่5มิถุนายน ปี2017 ยานเอ็มอาร์โอ ของนาซา สามารถถ่ายภาพที่น่าสนใจนี้เอาไว้ได้ จากภาพปรากฎยานสำรวจดาวอังคารคิวริออซิตี เป็นจุดสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ท่ามกลางบริเวณที่เป็น ทราย หิน และหน้าผา ภาพดังกล่าวได้ถูกปรับแสงเพื่อให้เห็นบริเวณพื้นผิวของดาวอังคาร ได้ชัดยิ่งขึ้นมันจึงได้ทำให้สีของยานคิวริออซิตี กลายเป็นสีน้ำเงินที่เข้มกว่าความเป็นจริง ซึ่งในขณะนั้นยานคิวริออซิตีกำลังขึ้นบนยอดเขาชาร์พที่มีความสูง18,000ฟุต ซึ่งเป็นภูเขาที่อยู่ในหลุมอุกกาบาตเกลที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นพื้นที่ ที่เคยเป็นทะเลสาบมาก่อนด้วยการศึกษาตะกอนหลุมอุกกาบาตและตะกอนจากภูเขานั้นอาจทำให้เราได้รู้ที่มาที่ไปที่แท้จริงของหลุมอุกกาบาตของหลุมภูเขาแห่งนี้ย้อนหลังไปได้ถึง2พันล้านปีเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มพบสิ่งที่น่าสนใจอย่างเช่นหินบลูเบอร์รี่เหล่านี้ที่ทำให้เชื่อว่าครั้งหนึ่งบนดาวอังคารเคยมีสภาวะที่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างจุลินทรีย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้

มาร์ส์เฮนจ์

ตั้งแต่ในช่วงเดือนมิถุนายนปี2012ยานสำรวจคิวริออซิตีก็ได้ปฏิบัติหน้าที่สำรวจพื้นผิวดาวอังคารและได้ส่งภาพที่น่าฉงนหลายภาพกลับมายังโลกหนึ่งในนั้นคือภาพของกองก้อนหินปริศนาที่ถูกตั้งเรียงเป็นรูปวงกลมผิดธรรมชาติ โดยที่บางคนเชื่อว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนดาวอังคารซึ่งได้มีลักษณะเหมือนกับเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้หรือมันอาจจะเป็นรากฐานของสิ่งก่อสร้างบางอย่างที่คล้ายกับ สโตนเฮนจ์ ที่อยู่บนโลกของเราและภาพนี้มันไม่ได้เป้นภาพถ่ายกองหินประหลาดเพียงภาพเดียวแต่มันยังมีภาพถ่ายหินปริศนาอื่นอีกที่สามารถถ่ายได้จากดาวอังคารดังเช่นภาพนี้เป็นภาพที่มีชื่อว่า “มาร์ส์เฮนจ์” ซึ่งได้เป็นภาพที่ถูกถ่ายด้วยกล้องHiRISEโดยที่ยังไม่มีใครสามารถอธิบายถึงทีมาของมันได้

หลุมปริศนา

ตั้งแต่ในปี2006ที่ นาซา ได้ส่งยานสำรวจเอ็มอาร์โอให้โคจรอยู่รอบดาวอังคารและได้ถ่ายภาพรายละเอียดของดาว ส่งกลับมายังโลกด้วยกล้องHiRISEที่ทำให้นักดาราศาสตร์สามารถเห็นวัตถุบนดาวที่มีขนาดใหญ่กว่า3ฟุตได้อย่างชัดเจนยานเอ็มอาร์โอสามารถถ่ายภาพนี้ได้ในช่วงฤดูร้อนบนดาวอังคาร ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำพอที่จะสามารถส่องแสงลงมาถึงบริเวณขั้วโลกใต้ของดาวได้จะเห็นว่าพื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่แข็งตัว ซึ่งมีคุณบัติเหมือนน้ำแข็งแห้งและแสงอาทิตย์ทำให้น้ำแข็งบางส่วนระเหยกลายเป็นไอจึงเผยให้เห็นหลุมปริศนาขนาดใหญ่ซึ่งได้มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดหลายร้อยเมตรและยังสามารถเห็นน้ำแข็งที่อยู่ข่้างใต้หลุมได้อีกด้วย

 

 

ขอขอบคุณ  entaplay pantip