ตำนานดาวลูกไก่ 

Posted on 24 พฤษภาคม 202024 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

มีตากับยายคู่หนึ่งซึ่งแก่แล้วแต่ก็ยังไม่มีลูกอีก 2 คนได้ทำการนำไม้มาตัดและสร้างเป็นบ้านอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมากซึ่งทั้งสองนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดมาซึ่งทั้งสองนั้นเลี้ยงไก่ตัวนึงเอาไว้

และไก่ตัวนั้นก็ได้ออกลูกมามากถึง 7 ตัวซึ่งทั้งไก่และทั้งตายายต่างก็มีชีวิตที่สุขสบายแบบปกติดีแต่มีอยู่วันหนึ่งที่มีพระองค์หนึ่งธุดงค์ผ่านมาแถวๆบ้านของตายายคุณตาเลยไปหาคุณยายและบอกว่าต้องการที่จะทำบุญเพื่อที่จะได้บุญแต่ว่าไม่มีอะไรที่จะทำบุญให้พระเลยเนื่องจากพวกเขานั้นไม่มีเนื้อสัตว์เลยมีเพียงแค่ผักกับน้ำจิ้มเท่านั้นดังนั้นคุณยายเลยเสนอว่าทำไมถึงไม่เอาไก่ไปเชือดปิ้งย่างแล้วให้พระกินน่ะซึ่งคุณตาก็ตอบตกลงแล้วบอกว่าจะทำในวันเสาร์

ซึ่งตอนนั้นแม่ไก่ก็กำลังเขียนดินเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านและเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เสียใจเป็นอย่างมากซึ่งตอนนั้นก็กลัวมากจนคิดว่าจะหนีไปที่อื่นเพื่อที่จะได้ไม่โดนค่าแต่เมื่อคิดอีกครั้งหนึ่งก็คิดว่ายอมให้ตากับยายค่าดีกว่าเนื่องจากตากับยายนั้นเลี้ยงดูตัวเองมาเยอะมานานมากพยายามใช้อาหารทุกอย่างและพยายามใช้เงินเพื่อซื้ออาหารหาอาหารให้กับเจ้าไก่กินจนตอนนี้มันก็มีลูกเจ็บตัวแล้ว

ดังนั้นเพียงแค่จ่ายเพื่อการกับยายนิดเดียวก็ไม่เป็นไรเท่านี้ก็ไม่เสียใจแล้วเมื่อคิดอย่างนั้นจึงเรียกลูกๆทั้ง 7 ตัวมาหาเขาก็บอกว่าวันพรุ่งนี้แม่จะโดนตากับยายค่ะซึ่งลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัวเองก็เสียใจเป็นอย่างมากที่จะต้องเสียแม่ไปในวันต่อมาแล้วแม่ค้นหาวิธีปอกลูกๆโดยการบอกว่าไม่ไปแล้ว

ซึ่งเด็กๆก็หยุดร้องไห้หลังจากนั้นเขาก็นอนกอดกันทั้งคืนเช้าวันต่อมาเมื่อลูกไก่ตื่นมาพ่อแม่ไก่หายไปเมื่อไปดูที่สวนพบว่าแม่ไก่ถูกเชือดคอไปแล้วและตอนนี้ก็กำลังถูกปิ้งย่างอยู่พวกมันนั้นเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้พูดกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย

ดังนั้นมันจึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆก่อนไปแล้วกระโดดไปพร้อมกันเจ็บตัวเพื่อตายตามแม่ไปหลังจากนั้นเมื่อพวกมันตายไปพวกมันก็ได้ไปเกิดเป็นดวงดาวอยู่บนฟ้าซึ่งตั้งชื่อว่าดาวลูกไก่ซึ่งทุกคนจะเห็นได้จากดาวที่อยู่บนฟ้าที่จะมีดวงด้วยกันในทุกๆคืนซึ่งนั่นก็คือลูกไก่ทั้ง 7 ตัวที่ตายตามแม่ไปนั่นเอง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8 ฝาก ขั้น ต่ํา

พบซากฟอสซิลของราดิโอดอนต้า

Posted on 22 พฤษภาคม 202022 พฤษภาคม 2020Categories ประวัติศาสตร์Tags ,

เมื่อได้พูดถึงสิ่งที่มีชีวิตที่ได้อยู่ในยุคดึกดำบรรพ์เราจะนึกถึงไดโนเสาร์เป็นอันดับแรกๆแต่คุณเคยคิดเล่นๆกันหรือเปล่าว่าก่อนที่ในช่วงของยุคไดโนเสาร์จะครองพิภพมันจะยังมีอะไรอาศัยอยู่หรือเปล่าวันนี้เรามาดูกันเลยว่าน่าตาของสัตว์ประหลาดโลกแรมปีมันจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างที่เรานั้นได้คิดเอาได้แค่ไหนแต่ที่แน่นๆสัตว์บางตัวมันอาจจะทำให้คุณนั้นฝันร้ายไปอีกหลายวันเลยก็เป็นได้

ราดิโอดอนต้า

สำหรับราดิโอดอนต้านั้นหากใครที่ได้เห็นมันแล้วก็อาจจะเปรี้ยวปากและคิดที่อยากจะกินมันก็เป็นได้ถึงเมื่อว่ารูปร่างน่าตาของมันนั้นจะดูคล้ายกับกุ้งต้องบอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่แต่มันได้เป็นสัตว์ที่มันได้อาศัยอยู่ในช่วงยุคดึกดำบรรพ์ตังแต่ในยุคแคมเบรียนหรือก่อนที่ไดโนเสาร์นั้นจะเกิดขึ้นมาเสียอีกซึ่งมันจะกระจายตัวกันอยู่ในท้องทะเลทั่วโลกถือว่ามันได้เป็นขาใหญ่ประจำหน้าน้ำเลยก็ว่าได้ ส่วนขนาดของมันนักวิจัยได้คาดเดาเอาว่ามันน่าจะมีได้ตั้งแต่0.6-1.8เมตร

แต่มันก็ยังได้เป็นที่ถกเถียงกันอยู่อีกว่ามันจะมีขนาดที่ใหญ่ขนาดนั้นจริงหรือไม่เพราะว่านี่ได้คาดเดาจากซากฟอสซิลที่ได้พบเห็นเท่านั้นถึงแม้ว่ามันจะยิ่งใหญ่คับน้ำสักแค่ไหนแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็จะต้องลาวงการหลังจากที่สิ่งคือมันได้มีการพัฒนาในการเข้ามาจึงทำให้สกิลของมันที่ได้มีระดับอยู่ระดับบนๆกับตกลงไปและยังได้รวมไปถึงในระบบนิเวทที่มันได้มีการเปลลี่ยนแปลงไปอีกด้วยจากนั้นมันก็เลย

ทำให้พวกสัตว์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้มันก็จะค่อยๆหายไปและมันก็ได้กลายมาเป็นเศษซากฟอสซิลให้เราได้เห็นกันจนถึงทุกวันนี้แต่ถึงอย่างไรก็ตามที่ได้พบเจอซากฟอสซิลมันก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่มันยังทำให้ได้มีอุปสรรค เนื่องจากว่าซากของราดิโอดอนต้านี้มันได้มีความเสียหายได้ง่ายมากๆถ้าหากเรานั้นไม่มีวาสนากันจริงๆ

มันก็อาจจะทำให้เรานั้นไม่ได้พบเจอกับซากฟอสซิลนี้อย่างแน่นอนแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังได้เป็นสัตว์ที่สูญพันธ์ไปแล้วหลายพันปีมันก็มีโอกาสที่มันจะมีความเสียหายได้อย่างง่ายดายและมันก็เป็นสัตว์ที่เกิดขึ้นมาก่อนยุคของไดโนเสาร์อีกด้วย ซึ่งมันก็น่าจะมีอายุหลายพันปีเหมือนกันที่ซากฟอสซิลของราดิโอดอนต้านั้นอยู่ในชั้นพื้นดินกว่าที่นักวิทยาศาสตร์จะเข้ามาเจอก็นานพอสมควร

 

 

สนับสนุนโดย  bk8 live tv

เหล็กไหลไม่ตรงปกแบบที่ หลวงพ่อได้กล่าวเอาไว้?

Posted on 20 พฤษภาคม 202020 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

วันนี้เรามาดูเรื่องราวที่เขาแหลมที่อยู่ในตำบลห้วยแย้ อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ประเด็นมันก็มีอยู่ว่าหลังจากที่เราได้เข้าไปติดตามเรื่องดังกล่าวที่เขาแหลมแล้วก็ได้มีพระที่ได้นำพาเจ้าหน้าที่ทีมข่าวขึ้นไปด้วยกันจากนั้นหลวงพ่อสวนก็ได้หยิบหินขึ้นมาหนึ่งก้อนจากนั้นหลวงพ่อสวนก็ยังบอกอีกว่ามีบุญที่ได้มาแล้วที่หลวงพ่อสวนแก่ได้อกว่าที่ได้มีบุญนั้นเพราะอะไรรู้หรือไม่ซึ่งก็ได้มีรูปล่าสุดของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่เห็นบอกว่าได้ลงไปในพื้นที่จากนั้นก็ได้เข้าไปพูดคุยกับทางพระ

เนื่องจากว่ามีความกังวลว่าถ้าตัวหลวงพ่อเองได้บอกว่ามีเหล็กไหลและรูปภาพที่เจ้าหน้าที่ทีมข่าวได้มาจะเห็นได้ว่าหินนั้นมันได้โดนเจาะเป็นรูและพร้อมกับเจ้าหน้าที่และก็ได้เข้าไปประสารและก็ได้ให้ความเข้าใจกับพระอีกด้วยว่าไม่ควรให้คนขึ้นมาหาเจาะเอาเหล็กไหล ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้รับข้อมูลมาบ้างแต่ผลปรากฎว่ามันได้เป็นข่าวขึ้นมาเรื่อยๆ ล่าสุดพอหลวงพ่อได้ให้เหล็กไหลไปแล้วก็บอกกับเจ้าหน้าที่ทีมข่าวว่าสรรพคุณเหล็กไหลซึ่งมันก็จะเป็นในเรื่องของอยู่ยงคงกระพันผู้ใดที่ได้นำเอามาไว้ในครอบครองจะปลอดภัยจากอันตรายได้มีเหล็กไหลหลายชนิดตามที่เราที่เพิ่งจะได้ข้อมูลมาจากหลวงพ่อ

และก็จากอีกหลายๆท่านมีหินเหล็กไหลจันทรา หินเหล็กไหลเงินยวง หิรเหล็กไหลสุริยัน หินเหล็กไหลเกล็ดมังกร โดยเบื้องต้นเราก็ได้เอาเหล็กไหลที่หลวงพ่อท่านว่ามันเป็นเหล็กไหลก็นำเอาไปผ่าดูโดยตัวหลวงพ่อเองก็ได้บอกว่าถ้าผ่าลงไปแล้วและเนื้อข้างในมันจะเป็นสีแดงซึ่งมันก็จะเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งวันนี้เราก็ได้นำเอาเหล็กไหลดังกล่าวเอาไปเจียเพื่อที่จะดูว่าเราจะได้อะไรบ้าง

ซึ่งในวันที่ได้เอาหินเหล็กไหลนั้นเอาไปเจียมันเจียลำบากมากเพราะมันมีขนาดที่เล็กหลังจากนั้นช่างก็ได้บอกว่าอย่าไปเจียมันเลย ทุบมันเลยดีกว่าพอทุบเสร็จแล้วข้างในมันจะเป็นสีแดงจริงมั้ย ซึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่าข้างในมันเป็นสีแดงพอได้ทุบออกมามันเป็นสีดำสนิดมันไม่มีสีแดงเลยสักนิดเดียวถามที่หลวงพ่อท่านนั้นได้กล่าวเอาไว้

ซึ่งตัวหลวงพ่อเองท่านก็ได้บอกว่ามันมีค่าพอเรานำเอามาทุบเท่านั้นแหละปรากฏว่าหินดังกล่าวมันเป็นสีดำพอไปถามนักล่าเหล็กไหลว่ามีใครสนใจซื้อหรือไม่จากนั้นก็ไม่มีใครรับซื้อเขาเราเลยและก็ไม่มีใครสนใจอีกทั้งยังได้บอกอีกว่ามันเป็นหินปกติ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

สถานที่หลอนที่ประเทศฝรั่งเศสที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้

Posted on 17 พฤษภาคม 202017 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

ทุกคนคงต้องรู้กันดีว่าหลังจากที่คนเราตายไปแล้วไม่ใช้แค่เพียงวิญญาณออกจากร่างแต่เรายังสามารถที่จะเป็นผีได้และหากมีความแค้นเยอะก็อาจจะกลายเป็นผีที่มีความอาฆาตแค้นและอาจจะทำร้ายคนที่ยังมีชีวิตได้……………..

แต่นั้นก็ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวของจุดเริ่มต้นของการเป็นวิญญาณเร่ร่อนแต่วิญญาณเร่ร่อนนั้นบางตัวก็จะมีที่อยู่อาศัยหรือสิงสู่ไปที่ของบางอย่างเพื่อตามติดคนที่เป็นเจ้าของสิ่งของนั้น……แต่นี้ก็เป็นแค่เพียงความเชื่อเท่านั้น (แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องจริง)

ซึ้งวันนี้เราจะมาพูดถึงสถานที่ที่มีคนเชื่อกันว่ามีผีจริงๆและสถานที่ที่มีตำนานเก่าแก่เล่าสู่รุ่นกันมาเรื่อยๆจากเท่าที่ฟังกันมาแล้งคนที่ไม่กลัวผีหลายๆคนคงอยากจะรู้แล้วว่าที่นี้นั้นจะมีเรื่องราวอย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

ที่ที่เรากำลังกล่าวนี้นั้นอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสค่ะ ที่นี้นั้นชาวฝรั่งเศสนั้นจะรู้จักกันอย่างดีในชื่อของ สุสานหลอนแห่งโครงกระดูก เรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องที่ชาวฝรั่งเศสไม่เคยเพยแพร่ให้คนที่ไปเที่ยวรู้เลยสักคนซึ้งจริงๆแล้วที่ใต้กรุงปารีสที่เที่ยวที่โด่งดังของฝรั่งเศสนั้นมีสุสานลับอยู่ซึ้งมีศพถูกฝังไว้มากกว่า 50000000 ศพเลยทีเดียว

ซึ้งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากเลยทีเดียว แต่ในความฝันของใครหลายๆคนนั้นต่างคิดว่าปารีสคือที่ที่แสนจะโรแมนติกแต่จริงๆแล้วหลายคนยังไม่รู้ว่าที่ปารีสนั้นมีหลุมฝันศพมากมายขาดในใต้เท้าของเรา  ซึ้งที่นี้นั้นได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังจากชาวฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2014 ซึ้งชื่อหนังมีชื่อว่า as above so below

ซึ้งเป็นหนังสยองขวัญที่หลายๆฉากจะมีรูปหัวกะโหลกเพราะว่าใต้กรุงปารีสนั้นจะมีทางเดินมืดๆและหัวกะโหลกมากมายเรียงรายกันไว้อย่างกับเป็นดินแดนแห่งหัวกะโหลกเลยล่ะค่ะ ซึ้งที่นี้นั้นถูกปิดตายไม่ให้ใครเข้ามามากกว่า 6 ปีแต่ตอนนี้นั้นได้ทำการสะกดวิญญาณจากบาทหลวงชื่อดังที่ประเทศฝรั่งเศสเรียบร้อยและได้เปิดสุสานแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วค่ะ  ได้มีนักท่องเที่ยวหลายคนถูกสัมภาษณ์จากนักข่าวที่ประเทศอังกฤษซึ่งพวกเขานั้นสัมภาษณ์ว่าตอนที่พวกเขานั้นเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้น

เขามีความรู้สึกว่าเหมือนถูกใครต้องมองไปรอบรอบฉันรอบกายคนนั้นมีเพียงแค่หัวกระโหลกที่ไม่มีลูกตาเท่านั้นแต่เขามีความรู้สึกว่ามีคนจ้องมองเขาทั้งๆที่ไม่มีใครตามเขามาเลยนอกจากนั้นบางคนยังมีความรู้สึกว่าตอนแรกนั้นเมื่อเขาเข้าไปในสถานที่มีตอนแรกเขาร่างกายเป็นปกติดีและไม่ได้รู้สึกอะไรได้หลังจากกลับออกมาจากสถานที่เที่ยวแห่งนี้นั้นก็มีความรู้สึกปวดหัวเป็นไข้

และรู้สึกแปลกตลอดเวลาหลายคนจึงคิดว่าอาจจะเป็นวิญญาณที่ตามติดออกมาจากสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้หลายคนที่มีความรู้สึกว่ามีใครมาดึงเสื้อผ้าของตนหรือบางคนก็มีความรู้สึกว่ามีใครมาจับแขนหรือขาของตัวเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 slot

การกู้ซากเรือที่ไม่ประสบความสำเร็จของทีมนักสำรวจ

Posted on 14 พฤษภาคม 202014 พฤษภาคม 2020Categories ประวัติศาสตร์Tags ,

จดหมายในขวดแก้ว

หลายคนอาจจะฟังดูแล้วมันจะโรแมนติกที่มีจดหมายน้อยบรรจุในขวดแก้วที่กำลังรอคอยสักวันหนึ่งเผื่อใครที่จะเข้ามาพบเจอแต่ถ้าได้เป็นฉบับนี้ต้องขอบองเลยว่ามันได้ช่วยทำเอาขนลุกและมันน่าเศร้าอย่างไม่น้อย เนื่องจากว่าจดหมายดังกล่าวนี้มันได้เป็นจดหมายขอฉบับสุดท้ายของเหล่านักสำรวจและนักธรณีวิทยาที่ได้มีชายคนหนึ่งได้เขียนถึงนักธรณีฟิสิกส์

และนักธรณีน้ำแข็งเพื่อรายงานผลสำรวจชั้นน้ำแข็งที่เกาะแถวแคนาดาในปี1599มันชั่งน่าเศร้าที่ลายมือกำลังเขียนมันด้วยดินสอนั้นมันดังไปไม่ถึง เนื่องจากว่าตัวของเขานั้นเสียชีวิตก่อนด้วยวัยแค่เพียง27ปีเท่านั้นและในภายหลังอีก54ปีต่อมาขวดแก้วขวดนี้นั่นมันก็ได้ถูกพบอยู่ในกองหินที่มันได้อยู่ได้กับธารน้ำแข็งอาร์กติกหลังจากที่ได้มีคนไปพบและได้เปิดอ่านดู

มันถึงกับทำให้ตัวของเขานั้นต้องตะลึ่ง เนื่องจากว่าข้อความที่อยู่ภายในขวดนั้นมันได้เขียนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศรวมไปถึงสภาวะโลกร้อนเอาไว้ด้วย ซึ่งมันได้เป็นสิ่งที่มันน่าประหลาดใจเป็นอย่างมากว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะรับรู้ได้ช่วงหน้าได้อย่างไรหรือในบางทีมันอาจจะเกิดมาจากการสังเกตในทุกๆวันจนทำให้พวกเขานั้นคาดเดาเอาได้ตนเองหรือไม่ก็มีสัญญาณเตือนภัยมาก่อนแล้วก็ได้

ซากเรืออับปาง

การเดินทางเข้าไปสำรวจในที่ที่มีแต่น้ำแข็งปกคุมมันไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะทางเรือเพราะมันอาจจะเกิดทำให้เสี่ยงต่อพายุในทุกๆรูปแบบ แต่ทว่าในสายตาของเหล่านักสำรวจกับพบว่ามันเป็นอะไรที่มันน่าท้าทายแต่มันก็จะไม่ใช่ทุกครั้งที่เหล่านักสำรวจนั้นจะโชคดีเสมอไปซึ่งเรือลำนี้ในตอนแรกที่ได้ตั้งใจที่จะสร้างภารกิจที่มีความยิ่งใหญ่มากที่สุดในประวัติศาสตร์แต่สุดท้ายเรือลำนี้ก็สู้กับสภาพอากาศไม่ไหว

และยังประกอบไปด้วยเรือได้พุุ่งชนกับก้อนน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ทะเลเวดเดลเข้าอย่างแรงและทำให้เรือลำนี้ได้เกิดมีรอยแตกที่ขนาดใหญ่จากนั้นจึงได้ทำให้ทุกๆคนนั้นถึงกับต้องสละเรือเพื่อที่จะเอาตัวเองรอดโดยไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของเจ้าเรือลำนี้มันจะมีสภาพเป็นอย่างไรแต่หลังจากนั้นมาเวลาก็ได้ผ่านไปนานเกือบ100ปี

ก็ได้มีกลุ่มงานแห่งหนึ่ง2019ก็ได้ส่งทีมงานเพื่อเอาเรืออกไปทำการค้นหาเพื่อที่จะกู้ซากเรือดังกล่าวขึ้นมาให้ได้แต่นานวันเท่าไรก็ไม่มีความคืบหน้าเลยสักนิกเดียวราวกับว่าเรือลำนี้ไม่ต้องการที่จะให้ใครค้นพบมันสุดท้ายแล้วพวกเขาคิดว่ามันจะไม่สำเร็จอย่างแน่จึงได้ยกเลิกโครงการและได้ปล่อยให้มันได้เป็นปริศนาอีกต่อไป

 

สนับสนุนโดย  bk8 ดีไหม

เกาะสุดเหงา

Posted on 11 พฤษภาคม 202011 พฤษภาคม 2020Categories ศิลปะTags ,

เกาะสำหรับคนที่จะหนีความวุ่นวายไปอยู่ในที่ที่มีความโดดเดียว

ชีวิตแบบคนเมืองที่วุ่นวายมันอาจจะทำให้ใครหลายคนเกิดมีความรู้สึกที่เบื่อคนและเบื่องานเบื่อโลกที่อยากจะปลีกตัวออกไปจากทุกๆสิ่งทุกๆอย่างและหนีหายไปจากนั้นก็จะใช้เวลาที่มีค่ากับตัวเองในที่ไกลๆในสถานที่ที่มีความเงียบสงบและโลกใบนั้นมันก็ได้ใหญ่เกินที่ใครจะสามารถท่องเที่ยวไปได้หมด

ซึ่งมันได้ซ่อนแหล่งสถานที่ที่มีความเงียบสงบเอาไว้อยู่มากมาย และเราก็ต้องแลกมาด้วยกับความที่ยากลำบากที่จะต้องอยู่ไกลจนสุดขอบฟ้าในวันนี้เราจะมาพูดเรื่องของสถานที่ที่ได้มีความห่างไกลจากผู้คนมาที่สุดในโลก

Tristan da cunha เกาะสุดเหงา

สำหรับเกาะTristan da cunhaซึ่งได้เป็นเกาะที่ได้มีคนมาอาศัยผู้เป็นในความโดดเดียวมากที่สุดในโลกซึ่งได้ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็ได้อยู่ห่างจากแอฟริกาใต้ประมาณ2,800เมตรที่มันได้อยู่ห่างออกไปจากประเทศอเมริกาใต้ประมาณ3,300เมตร มันได้เป็นเกาะที่ได้มีคนเข้าไปอาศัยอยู่ที่มีระยะห่างประมาณสองพันกิโลเมตร

ซึ่งมันได้เป็นเกาะTristan da cunhaเดิมที่แล้วมันยังได้เป็นที่กักตัวของจักรพรรดินโปเลียนของประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากเกาะTristan da cunhaมันก็ยังได้กลายมาเป็นเกาะที่มีความโดนเดียวที่บนเกาะแห่งนี้มันก็ยังได้มีความเป็นธรรมชาติเยอะมากที่สุดในโลกหากใครที่จะเข้าไปท่องเที่ยวของสถานที่แห่งนี้มันก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลา

ของการเดินทางซึ่งมันจะต้องเดินทางไปด้วยเรือและมันก็จะต้องใช้เวลาในการเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้ประมาณ7วันด้วยกันกว่าจะเข้าไปถึงสถานที่แห่งนี้ สาเหตุที่จะต้องเดินทางด้วยเรือตลอดทั้ง7วันนั้นพื้นที่หมู่เกาะนั้นมันไม่มีสนามบินและหนทางเดียวที่เราจะสามารถเข้าไปถึงหมูเกาะแห่งนี้ได้มันก็จะมีแต่การเดินทางเรือเท่านั้น

ซึ่งก็จะมีการออกเรือไปยังที่เกาะแห่งนี้แค่ปี1จะเดินเรือไปยังสถานที่แห่งนี้แต่เพียง1-2ครั้งเท่านั้นแต่ถึงอย่างไรก็ตามใช่ว่าจะได้ไปโดยง่ายมันก็จะต้องได้รับการเลือกและก็จะให้ปล่อยให้ล่องเรือไปสสถานที่เกาะTristan da cunhaในทุกๆปี

แม้ทว่าในการล่องเรือนั้นมันจะมีความลำบากอยู่มากอีกทั้งเกาะที่แห่งนี้มันก็ยังได้ช่วยทำให้นักเดินทางต่างก็ได้มีความหลงไหลเดินทางล่องเรือมายังสถานที่แห่งนี้ที่ไม่ชอบในโลกวุ่นวายที่คุณนั้นต้องการที่อย่างจะอยู่แบบโดดเดียวแม้มันจะมีเวลาน้อยมากก็ตาม

 

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโดย  rb88 thailand

ประวัติเกาะฮาชิมะ เกาะร้างที่น่ากลัวแห่งประเทศญี่ปุ่น

Posted on 9 พฤษภาคม 20209 พฤษภาคม 2020Categories ประวัติศาสตร์Tags ,

    ที่เมืองนางาซากิ  ประเทศญี่ปุ่น เกาะที่ชื่อว่า เกาะฮาชิมะ เป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเล ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นเลยทั้งที่บนเกาะก็เคยมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน ซึ่งเกาะฮาชิมะแห่งนี้

เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องความหลอนมากที่สุดในโลก โดยเกาะฮาชิมะติดอยู่ในอันดับหนึ่งในห้าเรื่องความหลอนระดับโลกเลยทีเดียว เพราะที่เกาะแห่งนี้ ตอนในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทางการของประเทศญี่ปุ่นได้ใช้เกาะฮาชิมะนี้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษ ซึ่งว่ากันว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ทหารญี่ปุ่นได้มีการนำเชลยมาทำงานที่บนเกาะแห่งนี้ โดยการมาทำเหมืองถ่านหิน ซึ่งนักโทษและเชลยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชาวจีนและชาวเกาหลีใต้นั่นเอง

และเมื่อมีการสิ้นสุดของสงครามโลกแล้ว บริษัทมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งในญี่ปุ่นได้มีการซื้อเกาะฮาชิมะนี้เอาไว้ โดยหวังว่าจะมีการพัฒนาเหมืองถ่านหินบนเกาะแห่งนี้ให้มีความก้าวหน้าและยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก แต่การพัฒนาเหมืองถ่านหินก็ไม่สามารถทำได้ต้องปิดตัวลงเพราะหมดยุคของถ่านหิน

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การใช้พลังงานจากถ่านหินจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป ดังนั้นทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของบริษัทมิตซูบิชิ จึงได้พากันย้ายออกมาจากเกาะฮาชิมะและไม่ได้มีคนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นอีกเลย 

     ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จวบจนมาถึงปัจจุบันนี้ เกาะฮาชิมะ ก็ไม่เคยมีคนเข้าไปอยู่อาศัยอีกเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และต้นไม้อยู่บนเกาะแห่งนั้น ไม่มีดอกไม้สวยสวยขึ้นเพราะไม่มีใครย่างกลายเข้าไปใกล้เกาะ จึงทำให้เกาะฮาชิมะแลดูน่ากลัว เพราะมีแต่สิ่งก่อสร้างที่รกร้างและไม่มีความสวยงามเลย

ซึ่งเกาะฮาชิมะนี้ กองถ่ายละครและภาพยนตร์หลายกอง ได้มีการติดต่อขอเข้าไปถ่ายทำรายการอยู่หลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เรื่อง Battle Rouale  ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่มีการถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้อยู่นั้น คนในกองถ่ายได้เจอกับสิ่งที่ผิดปกติอยู่บ่อยครั้ง ตัวอย่างเช่น ในบางฉากของภาพยนต์มักจะมีคนที่ไม่ใช่คนในกองถ่ายติดเข้ามาด้วย หรือแม้แต่การที่ถ่ายทำภาพยนตร์อยู่ดีดีฟิมล์ก็เสีย ซึ่งฟิมล์ที่ถ่ายทำนั้นก็เป็นฟิมล์เพิ่งซื้อมาใช้งานใหม่ใหม่

  และที่สร้างความน่ากลัวมากจนทำให้กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องหยุดการถ่ายทำไปเป็นเวลานานหลายสัปดาห์เลยก็คือ การที่นักแสดงหญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า  ชิอากิ คูริยามา  ซึ่งเป็นนักแสดงในเรื่องถูกวิญญาณเข้าสิง จนต้องเชิญหมอผีมาทำพิธีขับไล่วิญญาณออกไป ซึ่งหมอผีได้บอกว่าที่เกาะแห่งนี้มีวิญญาณที่มีความแค้นอยู่มากและไม่สามารถขับไล่วิญญาณเหล่านี้ออกไปได้ และตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยมีใครกล้าไปที่เกาะแห่งนั้นอีกเลย

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8 info

ประวัติพระพุทธเจ้าตั้งแต่ทรงเผยแพร่พระพุทธศาสนา

Posted on 2 พฤษภาคม 20202 พฤษภาคม 2020Categories ประวัติศาสตร์Tags ,

ประวัติพระพุทธเจ้าตั้งแต่ทรงเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปจนถึงปรินิพพานดับสูญ

          เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้าตั้งแต่เยาว์วัยว่าเป็นมาอย่างไรซึ่งหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงออกบวช พระองค์ก็ทรงเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆเพื่อไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาจนพระองค์สามารถที่จะสอนผู้คนให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ซึ่งขณะนั้นสามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ทั้งหมด 60 รูปด้วยกัน

โดยพระพุทธเจ้ามีการคาดหวังว่าพระองค์อยากจะให้ประชาชนทุกคนในโลกต่างพ้นทุกข์ไม่มีกิเลสดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้มีการเรียกให้สาวกของพระองค์ทั้ง 60 รูปให้พากันแยกย้ายออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้ประชาชนคนอื่นได้ทราบ

เพื่อที่ทุกคนจะได้พ้นจากกิเลสและพ้นทุกข์โดยมีการกำหนดเอาไว้ว่าพระอรหันต์ทั้ง 60 รูปนี้จะต้องเดินทางไปตามเส้นทางที่ไม่ซ้ำกันเพื่อที่จะได้ เผยแผ่หลักคำสั่งสอนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ส่วนตัวพระพุทธเจ้าเองนั้นพระองค์ก็ได้มีการไปแสดงพระธรรมเทศนาให้กับประชาชนได้ฟังที่อุรุเวลาเสนานิคม

     หลังจากที่พระอรหันต์ทั้ง 60 รูปต่างก็พากันเดินทางไปยังที่ต่างๆเพื่อไปสอนหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อให้ประชาชนต่างก็พ้นทุกข์ทำให้คนที่ได้ฟังคำสั่งสอนหลักธรรมเทศนาต่างก็พากันเลื่อมใสศรัทธาและยกย่องชื่นชมพระพุทธศาสนากันเป็นอย่างมากทำให้มีหลายคนสนใจที่จะบวชตามรอยของพระอรหันต์และพระพุทธเจ้าซึ่งหลังจากที่มีคนสนใจพี่จะบวชเยอะทำให้พระพุทธเจ้าได้อนุญาตให้พระอรหันต์สามารถที่จะทำการบวชให้กับผู้คนแทนพระองค์ได้เลย

โดยวิธีการบวชนั้นใช้เป็นวิธีติสรณคมอุปสัมปทา  ซึ่งเป็นการปฏิญาณตนว่าจะเป็นคนที่คอยเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้คนอื่นได้รู้จักและรู้ถึงพระรัตนตรัยซึ่งพระพุทธเจ้านั้นได้มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อแสดงธรรมเป็นการโปรดสัตว์ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นระยะเวลาถึง 45 พรรษา หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานและรู้ว่าตนเองจะต้องปรินิพพานภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า พระองค์จึงได้เดินทางไปยังเมืองกุสินารา และพระพุทธเจ้าก็ได้ไปนิพพานในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ที่ใต้ต้นสาละ   ซึ่งถือว่าวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานนั้นคือวันเริ่มต้นของพุทธศักราชซึ่งเมื่อนับรวมตั้งแต่พระพุทธเจ้าเกิดจนปรินิพพานนั้นพระพุทธเจ้ามีอายุรวมทั้งสิ้น 80 พรรษา

      ประวัติของพระพุทธเจ้ายังมีอีกมากมายหลายอย่างที่พระองค์ได้สั่งสอนให้คนเป็นคนดีอีกทั้งยังเผยแพร่พุทธศาสนาไปทั่วซึ่งปัจจุบันถึงแม้ว่าพระพุทธเจ้าจะมีการปรินิพพานไปแล้วแต่คำสอนของพระองค์ก็ยังคงมีอยู่และยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนทุกคนที่นับถือศาสนาพุทธซึ่งหลักคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้มีอะไรมากเลยเพียงแค่สอนให้คนเป็นคนดีและไม่ยึดติดกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้หัดมีการใช้สติให้มากและไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแค่นี้ทุกคนก็สามารถบรรลุหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาได้แล้ว

 

 

 สนับสนุนโดย  ติดต่อ next88

สัตว์ลึกลลับที่ถูกจับภาพได้ด้วยกูเกิลเอิร์ธ

Posted on 26 เมษายน 202026 เมษายน 2020Categories ประวัติและตำนานTags ,

ในใต้ท้องทะเลเหล่านี้มันอาจจะมีสัตว์ที่แปลกประหลาดที่เรานั้นอาจจะยังไม่เคยเห็นกันและในวันนี้เราก็ได้มีสัตว์ที่แปลกประหลาดมาให้ทุกคนได้ชมกันมันจะมีสัตว์ที่แปลกอะไรบ้างมาดูกัน

Loch Ness Monster

นอกจากในทุกๆวันนี้เราอาจจะสามารถมองโลกใบนี้ได้ทั้งหมดทั้งมวล ซึ่งคุณสามารถนำเอานิ้วของคุณกดเข้าไปที่กูเกิลเอิร์ธและได้แต่ละทีมนุษย์คนเราก็อาจจะได้พบเจอกับสิ่งเหตุการณ์ที่เขานั้นพบเจอโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ก็ยังได้มีชายคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นนักท่องอินเตอร์เน็ตจากนั้นเขาก็ได้เข้าไปพบเห็นรูปภาพประหลาด ในระหว่างที่เขานั้นกำลังใช้ กูเกิลเอิร์ธซุมไปดูที่ประเทศสก๊อตแลนด์

และในเวลาต่อมาก็ได้มีเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาทำการสำรวจรูปภาพดังกล่าวจากนั้นพวกเขาก็ได้บอกอีกว่ามันได้เป็นรูปทรงกระบอกที่มันได้มีขนาดความยาวประมาณ65ฟุตทั้งนี้พวกเขาก็ยังได้บอกถึงความที่มันได้ดูคล้ายคลึงกันอย่างมากและสัตว์ทะเลที่มันได้มีความลึกลับที่ชื่อว่าLoch Ness Monsterจากนั้น

มาก็ได้มีเสียงต่างๆได้เกิดขึ้นมาอีกทั้งยังได้บอกอีกว่ารูปภาพดังกล่าวนี้มันได้เป็นสัตว์เนสซีสำหรับสัตว์เนสซีนั้นมันเคยเป็นสัตว์ประหลาดที่มันได้เคยอาศัยอยู่ในช่วงของยุคไดโนเสาร์และทางด้านวิทยาศาสตร์ก็ยังได้สันนิษฐานอีกด้วยว่ามันได้สูญพันธุ์ไปไม่เหลือแล้ว

ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นมันได้มีกลุ่มบุคคลที่ได้มีความน่าสนใจที่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าสัตว์ทะเลลึกลับได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกด้วยว่าLoch Ness Monster และ เนสซี นั้นมันได้เป็นสัตว์ประเภคเดียวกันจากนั้นมารูปภาพดังกล่าวที่ได้เห็นกันอยู่นี้มันก็ยังเป็นเครื่องพิสูจน์และยังได้รอการค้นหาอยู่ดี

อลิเกเตอร์ยักษ์

หากใครที่เคยได้ดูหนังที่มีความมันระห่ำที่สุดอย่างrampageที่พวกขาได้มีการเล่าเรื่องราวของการทำการทดลองเกี่ยวกับสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหมาป่ายักษ์และเจ้าจระเข้ที่มันได้มีตัวที่ใหญ่มหาสาร นอกจากนี้เราเชื่อว่าหลายคนก็อาจจคิดว่าเจ้าจระเข้ที่มีตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มันจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาในหนังเท่านั้น ซึ่งทางด้านของโลกออนไลน์ก็ได้มีการเปิดภาพจากกูเกิลเอิร์ธที่มันได้มีรูปร่างที่ดูมีลักษณะที่เหมือนกับเจ้าจระเข้ยักษ์

ที่มันกำลังได้ว่ายอยู่ใต้ท้องน้ำที่น่านน้ำประเทศดูไบ เนื่องจากรูปภาพถ่ายเหล่านี้ต่างก็ไดมีคนจำนวนมากที่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาอย่างมากมายอีกทั้งบางคนยังได้ไปหลงเหลืออีกว่ามันน่าจะเป็นจระเข้ที่มันได้ถูกออกแบบมาจากหนังแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังมีผู้คนได้หลงเชื่ออีกว่ามันได้เป็นเพียงแค่รูปภาพทำการตัดต่อเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย  sagame