แดร็กคิวล่าหรือแวมไพร์มันมีอยู่จริงๆบนโลกหรือไม่?

Posted on 8 มิถุนายน 20208 มิถุนายน 2020Categories ตำนานTags ,

ถ้าหากว่าเราจะพูดถึงตำนานหรือว่าผีดูเลือดแดร็กคิวล่าหรือว่า แวมไพร์ก็คือจะเป็นชื่อแรกๆที่มันเด้งเข้ามาในหัวกันใช่หรือไม่ แต่เอาจริงๆแล้วตำนานผีดูดเลือดในยุคแรกๆนั้นมันไม่ใช่แวมไพร์ ยุคแรกๆของโลกที่เราพูดถึงผีดูดเลือดจะพูดถึง

เรื่องLilitu,Succubus ที่นิยมกินเลือดเด็กกันและยังได้รวมไปถึงSasabonsamที่ยังได้เป็นเรื่องเล่าตำนานผีดูดเลือดจากชาวAshantiแห่งกาน่าอีกด้วย ซึ่งตรงนี้มันจะเป็นตำนานของผีดูดเลือดแรกๆก่อนที่จะมี แวมไพร์นั่นเอง ส่วน แวมไพร์หรือแดร็กคิวล่า จริงๆแล้วมันก็คือสายพันธุ์เดียวกันนั่นแหละถ้าจะให้เราพูดแบบเข้าใจกันง่ายๆ 

แวมไพร์ มันก็คือผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรปสมัยยุคกลางคริสต์ศตวรรษที่14-15ที่ได้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่กินอาหารเป็นเลือดมนุษย์แทนและมีชีวิตเป็นอมตะนั้นเอง คือที่มาของ แดร็กคิวล่า มันได้เป็นชื่อตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักเขียนท่านหนึ่งที่ชื่อว่าBramStoker โดยBramได้เขียน แดร็กคิวล่าขึ้นมาในเดือน พฤษภาคม ปี1897

โดยนิยายเรื่อง แดร็กคิวล่ามันจะมีเนื้อเรื่องหลักก็คือ แวมไพร์ ตัวหนึ่งที่มันได้มีชื่อว่าDracula โดยได้มียศถาบรรดาศักดิ์ในตัวเรื่องเป็นท่านเค้าและเนื้อเรื่อง แดร็กคิวล่าได้เป็นผีดูดเลือดที่ได้ฆ่าหญิงสาวมาแล้วหลายรายโดยจะหลอกล่อด้วยน่าตาก่อนที่จะทำการจมเขี้ยวไปที่คอเพื่อที่จะดูดเลือดหรือพลังงานชีวิตของเหยื่อและเนื้อเรื่องมันก็ได้ดำเนินมาเรื่อยๆจนสุดท้าย

ท่าน แดร็กคิวล่าโดยปิดชีพด้วยการตัดคอและแทงทะลุหัวใจในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง และตรงนี้ได้เป็นเพียงบทสรุปคร่าวๆที่เราได้ไปศึกษามาจากเนื้อเรื่องทั้งหมดจากนิยายของBramStoker ที่เขาได้แต่งขึ้นและได้มีความโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้นแต่ด้วยว่าที่เราจะเขียนนิยายหรือว่าบทความเนื้อเรื่องหนึ่งขึ้นมานั้นมันจะต้องมีแรงบันดานใจในการเขียนขึ้นมา

แต่แรงบันดานใจอะไรของBramStoker ที่ทำให้เขาเขียนในเรื่องของ แดร็กคิวล่าขึ้นมาและเรื่องนี้มันก็จะต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่15ในยุคนั้นได้มีเจ้าชายองค์หนึ่งที่ได้เป็นกษัตริย์วาลาเคียที่มีนามว่าVladที่3/Vlad Tepesด้วย

ความเก่งกล้าของเจ้าชายคนนี้ที่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องของการสู้รบและการทำสงครามที่เก่งกล้าอย่างมากและก็ไม่เคยพ่ายแพ้ใครเลยและชื่อเสียงตรงจุดนี้มันก็เลยได้ทำให้เจ้าชายองค์นี้ได้ดังขึ้นมา

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8

เมืองใต้พิภพ

Posted on 3 มิถุนายน 20202 มิถุนายน 2020Categories ตำนานTags ,

เมืองCappadocia ซึ่งได้เป็นเมืองที่ได้อยู่ทางตอนกลางของตุรกี ย้อนความกลับไปเมื่อประมาณปี1963 เมืองCappadocia ก็ได้มีการปรับปรุงผังเมืองแถวๆDerinkuyuและช่วงที่ได้มีการปรับปรุงผังของเมืองนั้นก้ได้มีการค้นพบครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์นั่นก็คือเมืองใต้พิภพที่มีอายุประมาณหลายพันปีนั่นเอง

โดยเมืองใต้พิภพที่เราได้พูดถึงกันตรงนี้เราได้ไปหาข้อมูลมาเพิ่มเต็มเขาก็ได้บอกว่าเมืองตรงนี้ได้มาอายุประมาณหลายพันปี ซึ่งยังไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้เลยว่าอายุมันได้อยู่ช่วงไหนถึงช่วงไหนและมันได้มีความลึกประมาณ280ฟุตหรือ13ชั้นสามารถบรรจุคนได้มากกว่า20,000คนมีการค้นพบห้องเกือบทุกประเภทเลยทั้งห้องนอนห้องเก็บของห้องเก็บวายรวมถึงคอกเลี้ยงสัตว์และห้องทางพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย

ซึ่งในวิทยาการของคนสมัยก่อนมันสามารถที่จะขุดดินลงไปอยู่ได้ถึง13ชั้นกันเลยทีเดียว ซึ่งคนในสมัยปัจจุบันเรานั้นยังทำไม่ได้เลย ซึ่งการที่พวกเขาได้เข้าไปอยู่ในใต้ดินเราจะต้องคำนึงถึงหลายอย่างมากและอย่างแรกเลยที่เราขาดไม่ได้ก็คืออากาศหายใจแน่นอนว่าถ้าเราได้เรียนวิทยาศาสตร์มาทุกคนก็จะรู้ว่ายิ่งลงลึกไปเรื่อยๆอากาศมันก็จะยิ่งต่ำแล้ว

คนสมัยก่อนเขาทำกันได้อย่างไงจากเมืองตรงนี้ที่เราได้ไปศึกษามาเขาได้บอกว่าได้มีการขุดป่องอากาศขึ้นไปจนถึงพื้นดินและทำให้มันเป้นรูซึ่งมันเป็นป่องที่ระบายอากาศรวมไปถึงการรับแสงสว่างให้เข้ามาอยู่ในเมืองใต้พิภพและได้ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าการที่จะทำแบบนี้กับคนสมัยก่อนคือมันค่อนข้างยากมากด้วยวิทยาการอุปกรณ์ในการขุดเจาะ

และกำลังคนบอกเลยว่ามันเป็นไปค่อนข้างที่จะยากมากๆจนถึงมันจะเป็นไปไม่ได้เลยว่ามันจะสามารถทำแบบนี้ได้ ตรงนี้มันก็คืออีกอย่างหนึ่งที่เราได้บอกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ และอีกอย่าง วิศกรของมนุษย์สมัยก่อนเขาเก่งขนาดนั้นกันเลยหรอที่จะสามารถคำนวนว่ายิ่งลงลึกเข้าไปใต้ดินๆเราจะต้องมีเสาเข็มหรือเราจะต้องมีเสาเอาไว้พยุงพื้นดินด้านบนกี่เสา

และน้ำหนักกับความยาวหรือขนาดของเสานั้นมันจะต้องมีขนาดเท่าใดเพื่อที่จะไม่ทำให้พื้นดินนั้นมันถล่มลงมาและมันยังได้มีความลึกไปถึง13ชั้น ซึ่งเราต้องบอกเลยว่าวิศวะกรคนนั้นจะต้องเก่งเอามากๆต้องคำนวนให้ดีและให้มีความชัดเจนเพราะถ้าหากว่าได้พลาดไปเพียงแค่นิดเดียวแน่นอนว่าเมืองทั้งเมืองที่ได้อยู่ใต้พิภพจะต้องพังลงมาหมดทั้งเมืองกันเลยและตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมันก็ไม่ถล่มและมันได้มีความแข็งแรงมากเขาเลยบอกว่าเป็นไปได้หรอว่าคนสมัยก่อนจะไม่มีการช่วยเหลือจากอารยธรรมอื่นๆหรือการช่วยเหลือจากบุคคลลึกลับ

 

 

ขอขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนัน สล็อต

ตำนานขุนทรัพย์อาถรรพ์วัดกุฎีดาว 

Posted on 31 พฤษภาคม 202031 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

              ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเขตอำเภอเมืองมีวัดอีกวัดหนึ่งชื่อมีชื่อเสียงโด่งดังนั่นก็คือวัดกุฎีดาว ซึ่งวัดแห่งนี้มีตำนานความเชื่อเล่าต่อๆกันมาว่าที่วัดแห่งนี้มีทรัพย์สินเงินทองมากมายที่มีการฝังเอาไว้บริเวณรอบๆวัดรวมทั้งสิ้นแล้วถึง 16 แห่งด้วยกัน และยังมีคนเจอลายแทงสมบัติด้วย เรื่องเล่านี้โด่งดังไปจนถึงกรมศิลปากรได้ทราบเรื่องเข้าจึงอยากจะเข้ามาขอค้นหาทรัพย์สมบัติมีค่าของประเทศเพื่อเอาไปเป็นทรัพย์สินของประเทศชาติจึงได้ทำเรื่องขอเข้ามาขุดค้นหาทรัพย์สิน 16 แห่งที่วัดกุฎีดาวแห่งนี้

โดยครั้งแรกที่มีการขอเข้ามาขุดคนนั้นคือปีพุทธศักราช 2503 และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ทางกรมศิลปากรมากค้นหาเขาได้นำอุปกรณ์ค้นหาที่เรียกว่ามายนิเทคเตอร์อุปกรณ์นี้อุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับวัตถุที่เป็นทองได้ว่าอยู่ตรงบริเวณไหน และพวกเขาก็ค้นหาเจอจริงๆ เมื่อเครื่องจับหาทองคำร้องบอกว่ามีทองคำอยู่ข้างล่างใต้ดินแต่เมื่อพวกเขาทำตามขุดลงไปด้านล่างตามที่เครื่องบอกพวกเขากลับไม่พบทรัพย์สมบัติอะไรเลย

นอกจากพี่กรมศิลปากรจะไม่พบสมบัติแล้วพวกเขายังเจอเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกประหลาดมากมาย  เช่นพบเห็นชายแต่งชุดโบราณคล้ายๆกับชุดนักรบแต่ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรนั่นก็คือชายคนดังกล่าวนั้นไม่มีหัวอยู่บนบ่า หรือบางคนเล่าว่าหลังจากที่เสร็จงานแล้วเข้าที่พักพวกเขาต่างก็ได้ยินเสียงคนมาขุดดินบริเวณที่พวกเขาขุดกันอยู่

แต่เมื่อพวกเขาออกไปดูก็ไม่พบเห็นว่าใครจะมาขุดดินบริเวณนั้นเลย จนในที่สุดพวกเขาก็ไปปรึกษาพระอาจารย์ท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการจะนำทรัพย์สมบัติขึ้นมาจากใต้ดินเมื่อขุดไปแล้วก็ไม่พบรวมถึงเรื่องของการพบวิญญาณของนักรบกวนคอยเฝ้าสมบัติอยู่ ซึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าวิญญาณของชายหัวขาดนั้นคืออะไรกันแน่โดยพระอาจารย์ก็ได้เล่าให้ฟังว่านั่นคือปู่โสมเป็นวิญญาณที่จะคอยเฝ้าสมบัติของชาติไม่ให้ใครเอาไปได้ และวิญญาณของหลวงปู่สมที่มาให้นักโบราณคดีเห็นนั้นกำลังโกรธแค้น

เจ้าหน้าที่ที่มาขุดสมบัติอย่างมากเนื่องจากว่าปู่โสมเห็นว่าเจ้าหน้าที่หลายคนที่พากันมาช่วยขุดสมบัตินี้หวังที่จะเอาทรัพย์สมบัติเหล่านี้เป็นของส่วนตัวของตนเอง และปู่โสมไม่ได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นปู่โสมได้มีการสาปแช่งลูกหลานคนไหนก็ตามที่ต้องการมาเอาทรัพย์สมบัติของธาตุไปเป็นสมบัติของส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เจ้าหน้าที่ที่มาขุดหาทรัพย์สมบัตินั้น

ไม่ได้กลัวมากนักเพราะต่างก็ยังไม่มีใครจะสมบัติเลยแต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุและยังมีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่หายสาบสูญไปโดยไม่ทราบสาเหตุเช่นเดียวกัน และคนที่เป็นหัวหน้านำเจ้าหน้าที่มาขุดหาขุมทรัพย์ที่นี่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินทำอะไรก็ประสบแต่ความล้มเหลวเริ่มนับตั้งแต่นั้นก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนกล้าที่จะมาขุดสมบัติที่นี่อีกเลย

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้าsagame

ตำนานไอ้คง ผีเฝ้าศาลาหน้าวัดตูม 

Posted on 31 พฤษภาคม 202031 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

วัดตูมเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา  โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนสายประตูชัย  อยู่ในอำเภอ พระนครศรีอยุธยานั่นเอง  สำหรับที่วัดตูมนี้มีอายุเก่าแก่มานานหลายร้อยปีแต่ก็มีการบูรณะซ่อมแซมและได้มาซึ่งในสมัยของรัชกาลที่ 4 นั้นวัดตูมได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นวัดพระอารามหลวงซึ่งที่วัดตูมแห่งนี้บริเวณหน้าวัดจะมีศาลาท่าน้ำเก่าหลังคาจะมุงด้วยกระเบื้องดินเผา

ซึ่งศาลาท่าน้ำนี่เองที่เป็นตำนานเล่าขานกันมาว่าเป็นศาลาที่มีผีและมีความเฮี้ยนสุดๆ  ตามตำนานที่มีการเล่าขานกันเรื่อยมาถึงความเฮี้ยนของผีที่นี่ระบุว่าในช่วงเวลาที่เริ่มใกล้พบค่ำในทุกๆวันนั้นชาวบ้านที่เดินไปเดินมาผ่านมาแถวนี้มักจะมองเห็นว่าจะมีคนนั่งอยู่บริเวณที่ศาลาริมน้ำแห่งนี้พร้อมทั้งนำผ้าสีขาวมาคลุมตั้งแต่หัวจดเท้าเหลือแต่ใบหน้าออกมายืนทักทายให้กับคนที่เดินผ่านไปมาได้เห็นอยู่เป็นประจำ

ซึ่งใบหน้าดังกล่าวนั้นก็มักจะเป็นสีดำมืด ชาวบ้านมักจะมองไม่เห็นใบหน้ามองเห็นเพียงแค่สีดำๆเท่านั้นซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่อยู่แถวนี้กันเป็นอย่างมากดังนั้นในทุกๆเย็นเมื่อถึงเวลาใกล้ภพค่ำชาวบ้านที่อยู่บริเวณแถวหน้าวัดตรงใกล้ๆกับศาลาริมน้ำแห่งนี้จึงต่างปิดบ้านและไม่เคยออกมานอกบ้านในช่วงเวลากลางคืนกันเลยสำหรับเรื่องเล่านี้มีการเล่าขานกันว่าน่าจะเป็นวิญญาณของไอ้คงซึ่งเขาเล่าว่าไอ้คนนั้นมาอาศัยหลับนอนอยู่ที่วัดแห่งนี้โดยไอ้คนนั้นเป็นชายที่สติไม่ดี  ซึ่งใช้สติไม่ดีคนนี้มักจะไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าทางด้านเจ้าอาวาสจึงได้ให้เด็กวัดนำจีวรเก่าๆไปให้ไอ้คงใช้สติไม่ดีคนนี้

สวมใส่เริ่มนับตั้งแต่นั้นมานายคงก็อาศัยอยู่ในวัด   อาศัยกินข้าวที่พระแบ่งให้รวมถึงใช้จีวรที่พระมอบให้แต่แล้วอยู่ดีๆอยู่มาวันหนึ่งนายคง ก็เสียชีวิตยังไม่ทราบสาเหตุซึ่งทางด้านเจ้าอาวาสของวัดตูมก็ได้มีการจัดงานจัดส่งให้ตามปกติโดยมีการจัดงานให้ถึง 7 วันด้วยกันแต่หลังจากที่ผ่านพ้น 7 วันไปแล้วชาวบ้านก็เริ่มเห็นว่ามีวิญญาณของนายคงมาอาละวาดอยู่ที่บริเวณหน้าวัดโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าผีที่อาละวาดอยู่นั้นรวมถึงผีที่อยู่ตรงศาลาหน้าวัดนั้น

ก็คือผีของนายคงนั่นเองซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่านายคงกลับมาเพราะต้องการให้ชาวบ้านทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครที่จะทำบุญไปให้นายคงเลย อยู่มาวันหนึ่งจะเอามาเดินออกบิณฑบาตในช่วงเช้ามืดพอดี และท่านเจ้าอาวาสก็ได้พบกับวิญญาณของนายคงซึ่งแน่นอนว่าเมื่อได้พบวิญญาณแล้วทางเจ้าอาวาสก็ได้มีการอุทิศส่วนกุศลทำบุญกรวดน้ำให้กับนายคง และนับตั้งแต่ท่านเจ้าอาวาสนั้นอุทิศส่วนกุศลให้กับนายคงก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนได้เจอกับวิญญาณของนายคงมาอยู่ที่ท่าน้ำอีกเลย

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ต่างประเทศ

ตำนานดาวลูกไก่ 

Posted on 24 พฤษภาคม 202024 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

มีตากับยายคู่หนึ่งซึ่งแก่แล้วแต่ก็ยังไม่มีลูกอีก 2 คนได้ทำการนำไม้มาตัดและสร้างเป็นบ้านอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมากซึ่งทั้งสองนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดมาซึ่งทั้งสองนั้นเลี้ยงไก่ตัวนึงเอาไว้

และไก่ตัวนั้นก็ได้ออกลูกมามากถึง 7 ตัวซึ่งทั้งไก่และทั้งตายายต่างก็มีชีวิตที่สุขสบายแบบปกติดีแต่มีอยู่วันหนึ่งที่มีพระองค์หนึ่งธุดงค์ผ่านมาแถวๆบ้านของตายายคุณตาเลยไปหาคุณยายและบอกว่าต้องการที่จะทำบุญเพื่อที่จะได้บุญแต่ว่าไม่มีอะไรที่จะทำบุญให้พระเลยเนื่องจากพวกเขานั้นไม่มีเนื้อสัตว์เลยมีเพียงแค่ผักกับน้ำจิ้มเท่านั้นดังนั้นคุณยายเลยเสนอว่าทำไมถึงไม่เอาไก่ไปเชือดปิ้งย่างแล้วให้พระกินน่ะซึ่งคุณตาก็ตอบตกลงแล้วบอกว่าจะทำในวันเสาร์

ซึ่งตอนนั้นแม่ไก่ก็กำลังเขียนดินเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านและเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เสียใจเป็นอย่างมากซึ่งตอนนั้นก็กลัวมากจนคิดว่าจะหนีไปที่อื่นเพื่อที่จะได้ไม่โดนค่าแต่เมื่อคิดอีกครั้งหนึ่งก็คิดว่ายอมให้ตากับยายค่าดีกว่าเนื่องจากตากับยายนั้นเลี้ยงดูตัวเองมาเยอะมานานมากพยายามใช้อาหารทุกอย่างและพยายามใช้เงินเพื่อซื้ออาหารหาอาหารให้กับเจ้าไก่กินจนตอนนี้มันก็มีลูกเจ็บตัวแล้ว

ดังนั้นเพียงแค่จ่ายเพื่อการกับยายนิดเดียวก็ไม่เป็นไรเท่านี้ก็ไม่เสียใจแล้วเมื่อคิดอย่างนั้นจึงเรียกลูกๆทั้ง 7 ตัวมาหาเขาก็บอกว่าวันพรุ่งนี้แม่จะโดนตากับยายค่ะซึ่งลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัวเองก็เสียใจเป็นอย่างมากที่จะต้องเสียแม่ไปในวันต่อมาแล้วแม่ค้นหาวิธีปอกลูกๆโดยการบอกว่าไม่ไปแล้ว

ซึ่งเด็กๆก็หยุดร้องไห้หลังจากนั้นเขาก็นอนกอดกันทั้งคืนเช้าวันต่อมาเมื่อลูกไก่ตื่นมาพ่อแม่ไก่หายไปเมื่อไปดูที่สวนพบว่าแม่ไก่ถูกเชือดคอไปแล้วและตอนนี้ก็กำลังถูกปิ้งย่างอยู่พวกมันนั้นเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้พูดกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย

ดังนั้นมันจึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆก่อนไปแล้วกระโดดไปพร้อมกันเจ็บตัวเพื่อตายตามแม่ไปหลังจากนั้นเมื่อพวกมันตายไปพวกมันก็ได้ไปเกิดเป็นดวงดาวอยู่บนฟ้าซึ่งตั้งชื่อว่าดาวลูกไก่ซึ่งทุกคนจะเห็นได้จากดาวที่อยู่บนฟ้าที่จะมีดวงด้วยกันในทุกๆคืนซึ่งนั่นก็คือลูกไก่ทั้ง 7 ตัวที่ตายตามแม่ไปนั่นเอง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8 ฝาก ขั้น ต่ํา

เหล็กไหลไม่ตรงปกแบบที่ หลวงพ่อได้กล่าวเอาไว้?

Posted on 20 พฤษภาคม 202020 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

วันนี้เรามาดูเรื่องราวที่เขาแหลมที่อยู่ในตำบลห้วยแย้ อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ประเด็นมันก็มีอยู่ว่าหลังจากที่เราได้เข้าไปติดตามเรื่องดังกล่าวที่เขาแหลมแล้วก็ได้มีพระที่ได้นำพาเจ้าหน้าที่ทีมข่าวขึ้นไปด้วยกันจากนั้นหลวงพ่อสวนก็ได้หยิบหินขึ้นมาหนึ่งก้อนจากนั้นหลวงพ่อสวนก็ยังบอกอีกว่ามีบุญที่ได้มาแล้วที่หลวงพ่อสวนแก่ได้อกว่าที่ได้มีบุญนั้นเพราะอะไรรู้หรือไม่ซึ่งก็ได้มีรูปล่าสุดของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่เห็นบอกว่าได้ลงไปในพื้นที่จากนั้นก็ได้เข้าไปพูดคุยกับทางพระ

เนื่องจากว่ามีความกังวลว่าถ้าตัวหลวงพ่อเองได้บอกว่ามีเหล็กไหลและรูปภาพที่เจ้าหน้าที่ทีมข่าวได้มาจะเห็นได้ว่าหินนั้นมันได้โดนเจาะเป็นรูและพร้อมกับเจ้าหน้าที่และก็ได้เข้าไปประสารและก็ได้ให้ความเข้าใจกับพระอีกด้วยว่าไม่ควรให้คนขึ้นมาหาเจาะเอาเหล็กไหล ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้รับข้อมูลมาบ้างแต่ผลปรากฎว่ามันได้เป็นข่าวขึ้นมาเรื่อยๆ ล่าสุดพอหลวงพ่อได้ให้เหล็กไหลไปแล้วก็บอกกับเจ้าหน้าที่ทีมข่าวว่าสรรพคุณเหล็กไหลซึ่งมันก็จะเป็นในเรื่องของอยู่ยงคงกระพันผู้ใดที่ได้นำเอามาไว้ในครอบครองจะปลอดภัยจากอันตรายได้มีเหล็กไหลหลายชนิดตามที่เราที่เพิ่งจะได้ข้อมูลมาจากหลวงพ่อ

และก็จากอีกหลายๆท่านมีหินเหล็กไหลจันทรา หินเหล็กไหลเงินยวง หิรเหล็กไหลสุริยัน หินเหล็กไหลเกล็ดมังกร โดยเบื้องต้นเราก็ได้เอาเหล็กไหลที่หลวงพ่อท่านว่ามันเป็นเหล็กไหลก็นำเอาไปผ่าดูโดยตัวหลวงพ่อเองก็ได้บอกว่าถ้าผ่าลงไปแล้วและเนื้อข้างในมันจะเป็นสีแดงซึ่งมันก็จะเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งวันนี้เราก็ได้นำเอาเหล็กไหลดังกล่าวเอาไปเจียเพื่อที่จะดูว่าเราจะได้อะไรบ้าง

ซึ่งในวันที่ได้เอาหินเหล็กไหลนั้นเอาไปเจียมันเจียลำบากมากเพราะมันมีขนาดที่เล็กหลังจากนั้นช่างก็ได้บอกว่าอย่าไปเจียมันเลย ทุบมันเลยดีกว่าพอทุบเสร็จแล้วข้างในมันจะเป็นสีแดงจริงมั้ย ซึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่าข้างในมันเป็นสีแดงพอได้ทุบออกมามันเป็นสีดำสนิดมันไม่มีสีแดงเลยสักนิดเดียวถามที่หลวงพ่อท่านนั้นได้กล่าวเอาไว้

ซึ่งตัวหลวงพ่อเองท่านก็ได้บอกว่ามันมีค่าพอเรานำเอามาทุบเท่านั้นแหละปรากฏว่าหินดังกล่าวมันเป็นสีดำพอไปถามนักล่าเหล็กไหลว่ามีใครสนใจซื้อหรือไม่จากนั้นก็ไม่มีใครรับซื้อเขาเราเลยและก็ไม่มีใครสนใจอีกทั้งยังได้บอกอีกว่ามันเป็นหินปกติ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

สถานที่หลอนที่ประเทศฝรั่งเศสที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้

Posted on 17 พฤษภาคม 202017 พฤษภาคม 2020Categories ตำนานTags ,

ทุกคนคงต้องรู้กันดีว่าหลังจากที่คนเราตายไปแล้วไม่ใช้แค่เพียงวิญญาณออกจากร่างแต่เรายังสามารถที่จะเป็นผีได้และหากมีความแค้นเยอะก็อาจจะกลายเป็นผีที่มีความอาฆาตแค้นและอาจจะทำร้ายคนที่ยังมีชีวิตได้……………..

แต่นั้นก็ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวของจุดเริ่มต้นของการเป็นวิญญาณเร่ร่อนแต่วิญญาณเร่ร่อนนั้นบางตัวก็จะมีที่อยู่อาศัยหรือสิงสู่ไปที่ของบางอย่างเพื่อตามติดคนที่เป็นเจ้าของสิ่งของนั้น……แต่นี้ก็เป็นแค่เพียงความเชื่อเท่านั้น (แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องจริง)

ซึ้งวันนี้เราจะมาพูดถึงสถานที่ที่มีคนเชื่อกันว่ามีผีจริงๆและสถานที่ที่มีตำนานเก่าแก่เล่าสู่รุ่นกันมาเรื่อยๆจากเท่าที่ฟังกันมาแล้งคนที่ไม่กลัวผีหลายๆคนคงอยากจะรู้แล้วว่าที่นี้นั้นจะมีเรื่องราวอย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

ที่ที่เรากำลังกล่าวนี้นั้นอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสค่ะ ที่นี้นั้นชาวฝรั่งเศสนั้นจะรู้จักกันอย่างดีในชื่อของ สุสานหลอนแห่งโครงกระดูก เรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องที่ชาวฝรั่งเศสไม่เคยเพยแพร่ให้คนที่ไปเที่ยวรู้เลยสักคนซึ้งจริงๆแล้วที่ใต้กรุงปารีสที่เที่ยวที่โด่งดังของฝรั่งเศสนั้นมีสุสานลับอยู่ซึ้งมีศพถูกฝังไว้มากกว่า 50000000 ศพเลยทีเดียว

ซึ้งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากเลยทีเดียว แต่ในความฝันของใครหลายๆคนนั้นต่างคิดว่าปารีสคือที่ที่แสนจะโรแมนติกแต่จริงๆแล้วหลายคนยังไม่รู้ว่าที่ปารีสนั้นมีหลุมฝันศพมากมายขาดในใต้เท้าของเรา  ซึ้งที่นี้นั้นได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังจากชาวฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2014 ซึ้งชื่อหนังมีชื่อว่า as above so below

ซึ้งเป็นหนังสยองขวัญที่หลายๆฉากจะมีรูปหัวกะโหลกเพราะว่าใต้กรุงปารีสนั้นจะมีทางเดินมืดๆและหัวกะโหลกมากมายเรียงรายกันไว้อย่างกับเป็นดินแดนแห่งหัวกะโหลกเลยล่ะค่ะ ซึ้งที่นี้นั้นถูกปิดตายไม่ให้ใครเข้ามามากกว่า 6 ปีแต่ตอนนี้นั้นได้ทำการสะกดวิญญาณจากบาทหลวงชื่อดังที่ประเทศฝรั่งเศสเรียบร้อยและได้เปิดสุสานแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วค่ะ  ได้มีนักท่องเที่ยวหลายคนถูกสัมภาษณ์จากนักข่าวที่ประเทศอังกฤษซึ่งพวกเขานั้นสัมภาษณ์ว่าตอนที่พวกเขานั้นเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้น

เขามีความรู้สึกว่าเหมือนถูกใครต้องมองไปรอบรอบฉันรอบกายคนนั้นมีเพียงแค่หัวกระโหลกที่ไม่มีลูกตาเท่านั้นแต่เขามีความรู้สึกว่ามีคนจ้องมองเขาทั้งๆที่ไม่มีใครตามเขามาเลยนอกจากนั้นบางคนยังมีความรู้สึกว่าตอนแรกนั้นเมื่อเขาเข้าไปในสถานที่มีตอนแรกเขาร่างกายเป็นปกติดีและไม่ได้รู้สึกอะไรได้หลังจากกลับออกมาจากสถานที่เที่ยวแห่งนี้นั้นก็มีความรู้สึกปวดหัวเป็นไข้

และรู้สึกแปลกตลอดเวลาหลายคนจึงคิดว่าอาจจะเป็นวิญญาณที่ตามติดออกมาจากสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้หลายคนที่มีความรู้สึกว่ามีใครมาดึงเสื้อผ้าของตนหรือบางคนก็มีความรู้สึกว่ามีใครมาจับแขนหรือขาของตัวเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 slot

ล่ากรุสมบัติทหารญี่ปุ่น

Posted on 21 เมษายน 202021 เมษายน 2020Categories ตำนานTags ,

ก่อนหน้านี้ในอําเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เขาได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ได้เข้าไปขุดหาทรัพย์สมบัติจากนั้นเขาก็ได้มองว่าเรื่องแบบนี้นั้นมันไม่ถูกต้อง แต่สำหรับฝั่งของคนที่ทำการขุดนั้น ก็คือตาอึ่ง ที่เขานั้นได้เคยฝันก็เพราะว่า ตาอึ่งนั้นเขาได้เป็นคนที่อยู่ในพื้นที่และก็ได้เชื่อว่าได้ฝันเห็นทหารญี่ปุ่นได้ขนทรัพย์สมบัตินำเอามาซ่อนเอาไว้เป็นจำนวนมาก

แต่สุดท้ายแล้วพวกเพื่อนๆที่ได้นำเอารถไปขุดดินนั้น จากนั้นก็ได้มีการแจ้งในข้อกล่าวหาแต่แล้วเจ้าตัวตาอึ่งนั้นเขาก็ได้หายตัวไป จากนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะมีนายอึ่งได้เป็นคนพาเริ่มเพราะเนื่องจากว่านายอึ่งนั้นได้นิมิตเห็นจากนั้นนายอึ่งก็ได้เข้าไปซักช่วยชาวบ้านมาที่มี ชื่อว่านายแขก และก็ได้มีคุณลุงบุญส่ง

จากนั้นก็ได้ทำการหาตัวกลับมาทั้งหมดปรากฏว่าไปพบเจอ จะพบเจอแต่คุณลุงบุญส่ง จากนั้นด้านของคุณลุงบุญนั้นที่ก่อนหน้านี้เขาได้บอกว่าไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้มันจะมีทรัพย์สมบัติ แต่ไม่นานมาด้านคุณลุงบุญส่งเองก็เริ่มที่จะเชื่อแล้วมันน่าจะมีทรัพย์สมบัติอยู่จริงๆ จากนั้นรวมกับเจ้าของที่ดินที่เขาได้ยินยอมได้ให้ทำการขุดเพราะเขาได้คิดว่ามันไม่น่าจะเสียหายอะไรเท่าไร จากนั้นเดิมที่แล้วนายอึ่งเขาได้ทำการใช้มือเปล่าขุดจากนั้นในภายหลังที่เขาได้ทำการขุดมาเป็น10ๆปี

จากนั้นก็เกิดฝนตก พอฝนตกเท่านั้นแหละมันก็ได้ทำให้หน้าดินเปียกจากนั้นจึงทำให้น่าดินนั้นได้ปิดน่าถ้ำจนหมดก่อนน่านี้หลุมแต่ละหลุมที่ได้มีการใช้มือขุดแต่ละหลุมนั้นมันก็มีความลึกไม่มากเท่าไรประมาณ4เมตรก็ถือว่าเก่งเลยทีเดียวที่ได้ใช้มือเปล่าจากนั้นหลุดที่ได้เกิดเหตุก็คือหลุมที่สามเขาได้นำเอารถแบคโฮ

จากนั้นมาจึงได้ทำให้นายอำเภอจะต้องทำการสั่งให้เลิกขุดและวันนี้เราได้มีโอกาสได้เข้าไปเจอกับคุณลุงบุญส่งคนที่บอกว่ามันไม่จริงหรอกแต่เพราะเขาจ้างลุงมาลุงก็ต้องทำแต่จู่ๆด้านคุณลุงบุญส่งนั้นเขาก้ได้กลับลำด้านของหลุมนั้นมันยังอยู่ตรงที่เดิมด้านลุงบุญส่งยังบอกว่าตัวลุงเองนั้นก็ไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นหรือผีที่เป็นทหารญี่ปุ่น

ในสมัยของสงครามโลกนั้นมันจะอยู่ที่นี่แต่วันนี้คุณลุงบุญส่งเขาก็ได้ยอมเปิดใจและบอกกับเราว่าลุงนั้นได้เจอเองเลยกับตัวก็เลยเข้าไปถามว่าลุงไปเจออะไรมาครั้งก่อนลุงบอกว่าไม่เชื่อแต่พอมาวันนี้ลุงนั้นกลับได้เชื่อเพราะลุงนั้นเคยได้ใช้ปืนยิงเห็นญี่ปุ่นก็ได้เข้าไปถามอีกว่าลุงยิงจริงๆใช่ไปลุงแก่ก็ตอบกลับมาว่าจริง

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย  rb88

2อัญมณีลึกลับ

Posted on 12 เมษายน 202012 เมษายน 2020Categories ตำนานTags

เรื่องของอัญมณีเพื่อใช้เป็นเครื่องแสดงถึงตำแหน่งและเกียรติยศและนอกจากเพื่อความสวยงามและความเป็นสิริมงคลต่างๆแล้วก็ยังใช้ประโยชน์ในด้านการรักษาโรคทั้งทางกายภาพและทางด้านจิตใจได้อีกด้วย ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูกันว่าอัญมณีใดบ้างที่ยังไม่อาจจะชี้ชัดให้ได้ว่าว่าอัญมณีเหล่านี้มันได้มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหนบ้างอัญมณีที่ได้มีเรื่องเล่าตำนานอาถรรพ์หรือเมื่อกระทั่งเชื่อว่าได้มีพลังที่เหนือธรรมชาติ

Mysterious Blue Stone หรือ หินสีฟ้าลึกลับ

Mysterious Blue Stoneได้ถูกค้นพบโดยAngelo Pitoniนักธรณีวิทยาชาวอิตาลีที่ได้ถูกว่าจ้างให้ออกไปสำรวจหาของอัญมณีที่ล้ำค่าในระหว่างที่ได้ทำการสำรวจในบริเวณชายแดนของประเทศเซียร์ราลีโอนทีมงานก็ได้เข้าไปพบกับวัตถุที่เป็นปริศนาที่เป็นก้อนหินสีฟ้าใสเหมือนกับสีน้ำทะเลเมื่อเขาได้นำเอากลับมาที่ยุโรปเพื่อนำเอาหินลึกลับนี้ให้กับสถานบันวิจัยวิทยาศาสตร์ใน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศอิตาลี และ ประเทศเนเธอร์แลนด์

เพื่อทำการตรวจสอบก็พบว่ามันเป็นแร่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนโดยมีองค์ประกอบของออซิเจนสูงกว่า77%และส่วนประกอบอื่นๆและอาทิคาร์บอนซิลิกอนแคลเซียมอีกอย่างละเล็กน้อยนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบสารประกอบอินทรีภายในก้อนหินลึกลับนี้ ซึ่งคาดว่ามันมีอายุถึง1,5000ถึง5,5000ปี ทำให้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังตั้งคำถามว่าแล้วมันจะมาจากไหนและมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

โดยมีนักทิศดีได้ตั้งสมมุติฐานที่เกี่ยวกับMysterious Blue Stoneเอาไว้มันอาจจะเป็นร่องรอยของอารยธรรมที่หายสาปสูญหายไปในดินแดน เซียร์ราลีโอน ก็เป็นได้หรือมันอาจจะเป็นแร่ที่ได้มาจากนอกโลกโดยมีผู้มาเยือนจากต่างดาวที่มาอารยธรรมและเทคโนโลยีสูงได้ถูกทิ้งเอาไว้บนโลกทั้งนี้ถึงแม้ว่าก้อนหินดังกล่าวจะเป็นแร่ธาตุใหม่แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าเป็นแร่ธาตุที่ถูกค้นพบในประเทศโมร็อกโกเช่นเดียวกัน

แก้วขนเหล็ก/เหล็กไหล

แก้วขนเหล็กหรืออัญมณีโป่งข่ามมีความเชื่อที่เกี่ยวกับโชครางที่ฝังลากลึกมาพร้อมๆกับมันไม่ว่าจะเป็นไหมทองไหมนาศหรือไหมดำก็ตามความเชื่อต่างๆเหล่านั้นล้วนมากับอภินิหารที่คนไทยโบราณโดยเฉพาะชาวล้านนาไทยต่างเชื่อถือมากอย่างยาวนานโดยเฉพาะความเชื่อในเรื่องของความอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้าเช่นหลายคนต่างเชื่อกันว่าเส้นขนสีดำที่อยู่ภายในแก้วไหมสีดำนั้นแท้จริงแล้ว

ก็คือเหล็กไหลนั่นเองด้วยเหตุนี้ในสมัยก่อนจึงมีผู้นิยมฝังแแก้วขนเหล็กเอาไว้ตามจุดต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะหรือไหล่เพราะเชื่อว่าจะทำให้คนผู้นั้นฟันแทงไม่เข้าไม่ไม่มีอาวุธใดที่จะสามารถทำลายได้หรือในอีกลักษณะหนึ่งก็จะมีการนำหินไหมดำนี้มาทำเป็นเรื่องรางของขลังเช่นจี้รูปวงกลม วงรี หรือ ทำเป็นหัวแหวนใส่สำหรับเอาไว้ติดกายอยู่ตลาดเวลาเพื่อป้องกันคุณไสยหรือสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่มองเห็นและมองไม่เห็นอีกทั้งยังมีการนำเอาหินไหมดำมาตั้งประดับในบ้าน

ตำนานหนูน้อยหมวกแดงการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์

Posted on 6 เมษายน 20204 เมษายน 2020Categories ตำนานTags , , ,

 คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหนูน้อยหมวกแดงในตำนานที่เป็นสาวน้อยน่ารักใส่ซื่อบริสุทธิ์แต่ต้องเจอกับหมาป่าจอมชั่วร้ายแต่ในที่สุดก็สามารถปรับตัวเองออกมาจากภัยอันตรายที่จะได้รับกับรายได้โดยเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงนั้นเกิดขึ้นเมื่อหนูน้อยหมวกแดงทุกคุณแม่สั่งให้นำขนมไปเยี่ยมคุณยายซึ่งอาศัยอยู่ในป่าโดยคุณแม่สั่งให้หนูน้อยหมวกแดงนำขนมที่ทำขึ้นไปให้คุณยายรับประทานและหนูน้อยหมวกแดงต้องเดินทางไปคนเดียว

แม่จึงได้กำชับให้ระวังตัวระหว่างทางอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้ซึ่งเธอก็รับปากคุณแม่เป็นอย่างดีแล้วระหว่างทางที่ไปบ้านของคุณนายเธอก็เจอกับหมาป่าตัวหนึ่งที่ต้องไปกินเธอแต่ด้วยความใสซื่อของเธอเธอจึงเล่าเรื่องราวว่าเธอกำลังจะเดินทางไปที่ไหนให้หมาป่าฟังทำให้หมาป่าฉุกคิดได้ว่าแทนที่จะกินเธอคนเดียวหมาป่า

ควรจะได้กินทั้งหลายของเธอและเธอด้วยเรื่องนั้นจึงได้เดินทางไปที่บ้านของคุณยายและกินคุณยายเข้าไปหนูน้อยหมวกแดงเดินทางไปถึงที่บ้านของคุณยายก็พบว่าคุณยายมีการคลุมผ้าไว้ค่อนข้างมิดชิดแต่ก็สงสัยในลักษณะของคุณยายที่แตกต่างกันออกไปเช่นใดมีฤทธิ์เร็วขึ้นอยู่ที่ยาวขึ้นยาวขึ้นเมื่อหนูน้อยหมวกแดงสงสัยก็ถามเอาไปชนหมาป่ารำคาญจึงได้แสดงตัวออกมาว่าตนเองเป็นหมาป่าและไม่กินคุณได้เข้าไปแล้ว

และในขณะที่หมาป่ากำลังจะกินหนูน้อยหมวกแดงมันเองก็มีนายพรานก็มาช่วยเหลือหนูน้อยหมวกแดงและได้ฆ่าหมาป่าไปหลังจากนั้นนายพรานและหนูน้อยหมวกแดงก็ผ่าท้องหมาป่านำคุณยายออกมาจากท้องหมาป่าซึ่งหมาป่าก็ได้ตายไปและคุณยายและหนูน้อยหมวกแดงก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข 

สำหรับนิทานเรื่องนี้เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่นปัจจุบันนิทานปรัมปราเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้ทุกคนได้ดูจากการแสดงของนักแสดงโดยตรงแทนการฟังจากหนังสือนิทานและไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงนี้ก็ยังคงเป็นนิทานที่พ่อแม่สามารถนำมาเล่าให้กับลูกฟังก่อนเข้านอนได้

และไม่ว่าเด็กคนไหนที่นี่ฟังนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงนี้ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่านิทานเรื่องนี้มีความสนุกและน่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆกันทุกคนซึ่งหลังจากที่ได้มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์นั้นนิทานหนูน้อยหมวกแดงก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้ใหญ่ที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันอีกด้วย 

สำหรับนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนิทานเรื่องนี้ก็ยังเป็นนิทานอมตะเรื่องหนึ่งที่ใครได้ฟังก็ไม่เคยเบื่อเลยที่จะฟังซ้ำอีกจึงเรียกได้ว่านิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงคือนิทานในตำนานที่เราสามารถจดจำเรื่องราวของนิทานเรื่องนี้และมาเล่าให้ลูกหลานได้ฟังต่อไป 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame