2อัญมณีลึกลับ

เรื่องของอัญมณีเพื่อใช้เป็นเครื่องแสดงถึงตำแหน่งและเกียรติยศและนอกจากเพื่อความสวยงามและความเป็นสิริมงคลต่างๆแล้วก็ยังใช้ประโยชน์ในด้านการรักษาโรคทั้งทางกายภาพและทางด้านจิตใจได้อีกด้วย ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูกันว่าอัญมณีใดบ้างที่ยังไม่อาจจะชี้ชัดให้ได้ว่าว่าอัญมณีเหล่านี้มันได้มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหนบ้างอัญมณีที่ได้มีเรื่องเล่าตำนานอาถรรพ์หรือเมื่อกระทั่งเชื่อว่าได้มีพลังที่เหนือธรรมชาติ

Mysterious Blue Stone หรือ หินสีฟ้าลึกลับ

Mysterious Blue Stoneได้ถูกค้นพบโดยAngelo Pitoniนักธรณีวิทยาชาวอิตาลีที่ได้ถูกว่าจ้างให้ออกไปสำรวจหาของอัญมณีที่ล้ำค่าในระหว่างที่ได้ทำการสำรวจในบริเวณชายแดนของประเทศเซียร์ราลีโอนทีมงานก็ได้เข้าไปพบกับวัตถุที่เป็นปริศนาที่เป็นก้อนหินสีฟ้าใสเหมือนกับสีน้ำทะเลเมื่อเขาได้นำเอากลับมาที่ยุโรปเพื่อนำเอาหินลึกลับนี้ให้กับสถานบันวิจัยวิทยาศาสตร์ใน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศอิตาลี และ ประเทศเนเธอร์แลนด์

เพื่อทำการตรวจสอบก็พบว่ามันเป็นแร่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนโดยมีองค์ประกอบของออซิเจนสูงกว่า77%และส่วนประกอบอื่นๆและอาทิคาร์บอนซิลิกอนแคลเซียมอีกอย่างละเล็กน้อยนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบสารประกอบอินทรีภายในก้อนหินลึกลับนี้ ซึ่งคาดว่ามันมีอายุถึง1,5000ถึง5,5000ปี ทำให้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังตั้งคำถามว่าแล้วมันจะมาจากไหนและมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

โดยมีนักทิศดีได้ตั้งสมมุติฐานที่เกี่ยวกับMysterious Blue Stoneเอาไว้มันอาจจะเป็นร่องรอยของอารยธรรมที่หายสาปสูญหายไปในดินแดน เซียร์ราลีโอน ก็เป็นได้หรือมันอาจจะเป็นแร่ที่ได้มาจากนอกโลกโดยมีผู้มาเยือนจากต่างดาวที่มาอารยธรรมและเทคโนโลยีสูงได้ถูกทิ้งเอาไว้บนโลกทั้งนี้ถึงแม้ว่าก้อนหินดังกล่าวจะเป็นแร่ธาตุใหม่แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าเป็นแร่ธาตุที่ถูกค้นพบในประเทศโมร็อกโกเช่นเดียวกัน

แก้วขนเหล็ก/เหล็กไหล

แก้วขนเหล็กหรืออัญมณีโป่งข่ามมีความเชื่อที่เกี่ยวกับโชครางที่ฝังลากลึกมาพร้อมๆกับมันไม่ว่าจะเป็นไหมทองไหมนาศหรือไหมดำก็ตามความเชื่อต่างๆเหล่านั้นล้วนมากับอภินิหารที่คนไทยโบราณโดยเฉพาะชาวล้านนาไทยต่างเชื่อถือมากอย่างยาวนานโดยเฉพาะความเชื่อในเรื่องของความอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้าเช่นหลายคนต่างเชื่อกันว่าเส้นขนสีดำที่อยู่ภายในแก้วไหมสีดำนั้นแท้จริงแล้ว

ก็คือเหล็กไหลนั่นเองด้วยเหตุนี้ในสมัยก่อนจึงมีผู้นิยมฝังแแก้วขนเหล็กเอาไว้ตามจุดต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะหรือไหล่เพราะเชื่อว่าจะทำให้คนผู้นั้นฟันแทงไม่เข้าไม่ไม่มีอาวุธใดที่จะสามารถทำลายได้หรือในอีกลักษณะหนึ่งก็จะมีการนำหินไหมดำนี้มาทำเป็นเรื่องรางของขลังเช่นจี้รูปวงกลม วงรี หรือ ทำเป็นหัวแหวนใส่สำหรับเอาไว้ติดกายอยู่ตลาดเวลาเพื่อป้องกันคุณไสยหรือสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่มองเห็นและมองไม่เห็นอีกทั้งยังมีการนำเอาหินไหมดำมาตั้งประดับในบ้าน