การเดินทางในแผ่นดินอินโดจีน

สงครามที่ได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานครั้งแล้วครั้งเล่ามันกินเวลาต่อเนื่องเวลามานานหลายสิบปีจนทำให้พื้นที่เกือบทั้งหมดของกลุ่มประเทศในคาบสมุดอินโดจีนกลายเป็นดั่งแดนสนธยากีดกันตัวเองออกจากนานาชาติพร้อมกับเก็บนำเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอาไว้แต่ภายในเหมือนมีประตูบานใหญ่ปิดกั้นกักเก็บตัวเองไว้เพียงลำพัง

เรื่องนี้ได้ถูกสร้างเป็นปริศนาท้าทายให้นักบุกเบิกทำให้คิดสืบหาช่องทาง

เพื่อจะเข้าไปค้นหาความลับที่ได้ปกปิดอยู่และก็มีทีมงานเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นความพยายามและตั้งใจอย่างหนักแน่นทำให้มีโอกาสเดินทางเข้าไปสำรวจในแผ่นดินอินโดจีนตั้งแต่กลิ่นไอจากไฟสงครามที่มีกลิ่นอยู่บางๆยุคแรกที่ทีมงานได้เข้าไปสำรวจในดินแดนอินโดจีน

เกิดขึ้นเมื่อราว3ศตวรรษก่อนช่วงนั้นเราเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางสหลวดข้อมูลเริ่มต้นมีอยู่เพียงน้อนนิดอีกทั้งผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ดูเหมือจะไม่ค่อยเต็มใจนักกับการมาถึงของคนแปลกถิ่นอย่างพวกเราทำให้การวางแผนการเดินทางเป็นไปอย่างยากเย็นและติดขัดต้องปรับเปลี้ยนจุดหมายกันอยู่ตลอด

โดยเฉพาะเมื่อเราได้ยินเรื่องราวที่น่าสนใจใหม่ๆจากปากชาวบ้านในท้องถิ่นหรือประกาสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ผู้ที่มีอำนาจเด็ดขาดการเดินทางในดินแดนที่จมอยู่กับการสู้รบมาตลอดหลายสิบปีทำให้ทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตรายถนนหนทางที่จำนำรถวิ่งผ่านส่วนใหญ่เป็นถนนลำรองที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามเพื่อใช้ประโยชน์ในการลำเรียงยุทพันถนนเหล่านี้มีสภาพทรุดโทรมเต็มไปด้วยหลุมบ่อและหลายแห่งยังมีวัตถุระเบิดตกค้างมาจากสงคราม

ซึ่งพวกมันพร้อมที่จะเผยตัวแสดงอนุภาพให้ผู้เคราะห์ร้ายได้ประจักษ์ทุกกิโลเมตรที่รถของเรานั้นวิ่งผ่านจึงเต็มไปด้วยความเหนื่อยยากและใช้เวลาเนินนานเกือบกว่าที่ใครจะคาดคิดและยังไม่รวมภัยจากการดักซุ่ม โจมตีของกลุ่มชนต่างๆที่ตั้งกฏเป็นกองอิสระรวมตัวเป็นชุมชนย่อยๆกระจายอยู่หลายพื้นที่ทั้งหมดลวนเป็นอุปศักดิ์หนักหนา

สำหรับนักเดินทางแปลกหน้าอย่างเราแต่มันก็คุ้มค่ากับเรื่องราวที่เรานั้นได้พบเห็นและได้นำเอามาเปิดเผยนำเอามาบอกเล่าให้ผู้คนที่อยู่ภายนอกนั้นได้รับรู้ซึ่งภาพบางภาพนั้นหรือในเรื่องบางเรื่องก็ได้ถูกจุดให้เป็นกระแสได้มีการถกเถียงต่อยอดกันมาอย่างกว้างขวางและนี้ก้เป็นเรื่องนำทางอีกครั้งที่พวกเรานั้นได้กับมาเยี่ยมในแผ่นดินอิโดจีนกันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ฟ้ามีเมฆฝนจุดหมายของเราก็คือตอนใต้ของ สปป ลาว